skip to Main Content
การทำงานของเอเจนซี่โฆษณายุคดิจิทัล

ย้อนรอยความหมาย “เอเจนซี่” จากจุดเริ่มต้นถึงยุคดิจิทัล

ในโลกของการตลาด และธุรกิจ คำว่า "Agency" หรือ "เอเจนซี่" เป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในบริบทของการทำการตลาดดิจิทัล แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า คำนี้มีที่มาจากอะไร และทำไมปัจจุบันเราจึงได้ยินคำว่า “Advertising Agency” หรือ "เอเจนซี่โฆษณา" มากกว่า บทความนี้จะพาคุณย้อนกลับไปสู่ประวัติความเป็นมาของ Agency และการเปลี่ยนแปลงที่นำมาสู่ยุคของ Digital Marketing ที่มีบริษัททำการตลาดออนไลน์มากมายเหมือนในปัจจุบัน ความเป็นมาของคำว่า Agency . จุดกำเนิดของ Agency คำว่า "Agency" มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินคำว่า "Agentia" ซึ่งหมายถึง "การกระทำ" หรือ "การดำเนินการ" ดังนั้น Agency จึงหมายถึงองค์กรหรือบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการดำเนินการต่างๆ แทนผู้อื่น Agency ในบริบทธุรกิจ ในโลกธุรกิจ Agency เริ่มมีบทบาทสำคัญตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการประกันภัย อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างบริษัท และลูกค้า ไปจนถึงเอเจนซี่จัดหางาน . วิวัฒนาการของ Agency สู่ Advertising Agency . ยุคเริ่มต้นของเอเจนซี่โฆษณา แนวคิดเรื่องเอเจนซี่โฆษณาเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 โดยสำนักงานโฆษณาแห่งแรก ๆ ของโลกคือ William Taylor ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1786 ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยเน้นบทบาทเป็น “ตัวแทนขายพื้นที่โฆษณา” ให้กับหนังสือพิมพ์ และยังไม่ได้มีการรับทำการตลาดเกิดขึ้น ต่อมาในปี 1869 เมื่ออุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงเกิดเอเจนซี่รับทำการตลาดที่ขยายบทบาทมากกว่าการขายพื้นที่โฆษณาอย่าง N.W. Ayer & Son ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยให้บริการแบบครบวงจรทั้งด้านกลยุทธ์การตลาด ครีเอทีฟ และวางแผนการสื่อสาร จึงถือว่าเป็น “บริษัทรับทำการตลาดแบบสมัยใหม่ (full-service agency)” แห่งแรกของโลก ยุคทองของเอเจนซี่โฆษณา ในช่วงทศวรรษ 1950-1960 ถือเป็นยุคทองของเอเจนซี่โฆษณา เมื่อโทรทัศน์กลายเป็นสื่อหลักในการโฆษณา เอเจนซี่ต่างๆ เริ่มพัฒนากลยุทธ์การตลาด และแคมเปญโฆษณามากขึ้น และมีเอเจนซี่รับทำการตลาดเพิ่มขึ้นเยอะมากในยุคนี้ การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล . Digital Marketing และบทบาทใหม่ของเอเจนซี่โฆษณา ด้วยการเติบโตของอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีต่างๆ บริษัทรับทำการตลาดจึงเริ่มปรับตัวครั้งใหญ่ การทำการตลาดออนไลน์กลายเป็นทักษะสำคัญที่ต้องมี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจาก Traditional Advertising Agency ที่รับทำการตลาดแบบเดิมๆ สู่ Digital Agency ที่ทำการตลาดออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ บริการหลักของเอเจนซี่โฆษณาในยุค Digital Marketing การทำการตลาดออนไลน์ : วางแผนกลยุทธ์การตลาดบนแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ การทำคอนเทนต์ออนไลน์ : สร้างเนื้อหาที่ดึงดูด และมีประสิทธิภาพสำหรับสื่อออนไลน์ การยิงแอด : บริหารจัดการโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Google Ads, Facebook Ads การให้คำปรึกษาด้านการตลาด: วิเคราะห์และให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์แก่ธุรกิจ การวางแผน และวิเคราะห์ข้อมูล : เก็บ วิเคราะห์ และตีความข้อมูลเพื่อนำมาใช้ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดแบบ Data-Driven Marketing การทำ SEO และ SEM :…

Read More
แคมเปญ TikTok โดยเอเจนซี่โฆษณา Unicronet

เปิดข้อมูล TikTok Insight ที่นักการตลาดไม่ควรมองข้ามในช่วงสงกรานต์นี้

   สำหรับนักการตลาด และเอเจนซี่โฆษณาทั้งหลาย เทศกาลสงกรานต์ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังถือเป็นโอกาสทางการตลาดที่หลายแบรนด์รอคอยอีกด้วย ยิ่งในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเทรนด์แฟชั่น ข้อมูลเชิงลึกอย่าง customer insight จึงกลายเป็นอาวุธสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้เวลาอยู่มากที่สุดอย่าง TikTok    จากข้อมูลของ TikTok Insight ล่าสุด มีการเผยข้อมูลสำคัญที่สะท้อนพฤติกรรม และแนวโน้มของผู้บริโภคในช่วงเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเที่ยว ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อสินค้าจากการดูคอนเทนต์ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้ต่อยอดกลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะสำหรับใครที่ทำงานด้าน digital marketing หรือรับทำการตลาด ซึ่งต้องการ insight แบบเรียลไทม์มาใช้ในการวางแผนแคมเปญคนไทยใน TikTok พร้อมจ่ายมากขึ้นในช่วงสงกรานต์   จากผลสำรวจล่าสุดของ TikTok ประเทศไทย พบว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์:63% ของผู้ใช้งานมีแนวโน้มใช้เวลาอยู่บน TikTok มากขึ้น98% มีแผนใช้จ่ายเท่าเดิมหรือมากกว่ามากกว่า 58% วางแผนซื้อของโดยตรงผ่าน TikTok Shop   จากพฤติกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคในแพลตฟอร์มนี้ "เปิดใจ" และ "พร้อมจ่าย" มากขึ้นในช่วงเทศกาล ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสร้าง Brand Awareness และกระตุ้น Conversion อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหากคุณเป็นแบรนด์ หรือเอเจนซี่โฆษณาที่ให้บริการรับทำการตลาด และต้องการใช้ช่วงเวลานี้ในการขยายฐานลูกค้า รวมถึงเพิ่มยอดขายอย่างตรงจุด เพราะจุดเด่นของ TikTok คือแพลตฟอร์มที่สามารถพร้อมเปลี่ยนจากผู้ชมเป็นลูกค้าได้ทันที ผ่านคอนเทนต์ที่โดนใจ หรือถูกจังหวะความต้องการของผู้ใช้งานได้พอดี จุดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่เอเจนซี่โฆษณาควรใช้ให้เกิดประโยชน์ในการออกแบบแคมเปญทำการตลาดออนไลน์ ดังนั้นการเตรียมแคมเปญให้พร้อมก่อนคู่แข่งเพียงไม่กี่วัน อาจกลายเป็นแต้มต่อที่ทำให้แคมเปญของคุณกลายเป็นกระแสได้ง่ายกว่าแล้วผู้บริโภคใน TikTok ให้ความสนใจอะไรเป็นพิเศษ ?   หนึ่งใน customer insight ที่น่าสนใจ คือเมื่อเข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ผู้ใช้งาน Tiktok หลายๆ คนจะมีพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ที่หลากหลายกว่าช่วงปกติ และเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น...เทรนด์แฟชั่นที่ผสมผสานความร่วมสมัยกับวัฒนธรรมคลิปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และเมนูที่คนกำลังพูดถึงรีวิวจาก Creator หรือ KOL ที่ช่วยให้การวางแผนเที่ยวง่ายขึ้นสินค้าออกใหม่ที่มีเฉพาะช่วงเทศกาลวิดีโอเทคนิคการแต่งหน้า การดูแลผิว และการแต่งตัวให้เหมาะกับอากาศและกิจกรรมช่วงสงกรานต์   ดังนั้นสำหรับแบรนด์หรือทีมที่รับทำการตลาด ข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ทีมรับทำการตลาดวางแผนคอนเทนต์ได้แม่นยำขึ้น ทั้งในเชิงของสไตล์การนำเสนอ จุดเชื่อมโยงทางอารมณ์ และจังหวะเวลาที่เหมาะสม    เมื่อทีมรับทำการตลาดเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ ก็สามารถออกแบบแคมเปญให้ตอบโจทย์ได้มากกว่าแค่ยอดวิว แต่ยังสร้างการมีส่วนร่วมและผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนได้ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างแบรนด์ในระยะยาว   ทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่แค่ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ แต่เป็นโอกาสสำคัญสามารถนำไปต่อยอดเป็นแคมเปญที่พูดกับผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด เพราะการเข้าใจว่า "คนดูอะไร" และ "สนใจอะไร" คือพื้นฐานสำคัญของ การสร้างแบรนด์ และการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลจริง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดใหม่หรือเสริมความสัมพันธ์กับฐานลูกค้าเดิมไม่ใช่แค่ดู แต่ “ตัดสินใจ” ได้ทันทีหลังจากดูคอนเทนต์   สิ่งที่ทำให้ TikTok แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น คือผู้ใช้ไม่เพียงแค่เสพคอนเทนต์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถ “ตัดสินใจ” ทำบางอย่างต่อได้ทันที เช่น70% ค้นหาโปรโมชันหรือส่วนลดต่อ64% มองหารีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้จริงท่านอื่นๆ52% ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อสิ่งนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า “คอนเทนต์ปังๆ ใน TikTok” ไม่ได้มีแค่หน้าที่สร้างความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น “ตัวเร่ง” สำคัญต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในแบบเรียลไทม์อีกด้วย เมื่อลองสังเกตก็จะเห็นว่าหลายแคมเปญที่ประสบความสำเร็จในช่วงสงกรานต์ มักจะมีจุดร่วมคือคอนเทนต์ที่ไม่เพียงแค่ทำ storytelling เก่ง แต่ยังพาไปซื้อ และรีวิวสินค้าหรือบริการให้ดูจริงๆ ด้วยเช่นกันนั่นจึงเป็นเหตุผลที่กลุ่มธุรกิจจำนวนมากเริ่มปรับแนวทางการทำคอนเทนต์ให้เน้นการสื่อสารแบบกระชับ เข้าใจง่าย และเชื่อมโยงกับอารมณ์ในช่วงเทศกาล ยิ่งถ้าหากคุณเป็นเอเจนซี่โฆษณา หรือทีมรับทำการตลาดที่ดูแลลูกค้าหลากหลายหมวดสินค้า การเข้าใจว่าผู้ใช้ TikTok “พร้อมดู พร้อมซื้อ” กับอะไร คือกุญแจสำคัญในการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพราะพฤติกรรมของผู้ใช้งาน TikTok ในแต่ละกลุ่มก็ต่างมีรูปแบบการตอบสนองที่เฉพาะตัว หากสามารถเลือกใช้…

Read More
Social Listening

เจาะลึก Social Listening คืออะไร? คู่มือสร้างคอนเทนต์ที่ใช่ โดนใจลูกค้า

     ในยุคที่ข้อมูลคืออาวุธสำคัญ การทำการตลาดออนไลน์ ไม่สามารถอาศัยแค่ไอเดียหรือการคาดเดาอีกต่อไป นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัย Social Listening เพื่อติดตามเสียงของผู้บริโภค วิเคราะห์เทรนด์ และนำไปสู่ การทำ Market Research ที่แม่นยำ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า Social Listening คืออะไร และสามารถใช้เป็น คู่มือสร้างคอนเทนต์ที่ใช่ โดนใจลูกค้า ได้อย่างไรSocial Listening คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับการทำการตลาดออนไลน์     Social Listening คือกระบวนการ ติดตาม วิเคราะห์ และสรุปข้อมูล จากโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter, TikTok และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อดูว่าผู้บริโภคกำลังพูดถึงอะไรเกี่ยวกับแบรนด์ สินค้า หรืออุตสาหกรรมของคุณทำไม Social Listening ถึงเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้?ช่วยทำ Market Research ค้นหาความต้องการของตลาด และพฤติกรรมของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์พัฒนา Brand Analysis วิเคราะห์ภาพลักษณ์แบรนด์และวัดความนิยมได้อย่างแม่นยำสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย หาคีย์เวิร์ดและประเด็นที่ลูกค้าสนใจจริง ๆเปรียบเทียบคู่แข่งได้ง่ายขึ้น วิเคราะห์กลยุทธ์ของคู่แข่งและหาโอกาสใหม่ ๆ.วิธีใช้ Social Listening ทำ Market Research และ Brand Analysis.1. ใช้ Social Listening ทำ Market Research อย่างมีประสิทธิภาพการทำ Market Research คือการศึกษาตลาดเพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า คู่แข่ง และเทรนด์ในอุตสาหกรรม ซึ่ง Social Listening สามารถช่วยได้ดังนี้:วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ดูว่าผู้คนพูดถึงปัญหาอะไร และพวกเขาต้องการอะไรจากสินค้าและบริการค้นหาเทรนด์ตลาด คีย์เวิร์ดที่กำลังถูกพูดถึงสามารถบอกแนวโน้มของอุตสาหกรรมได้ระบุโอกาสใหม่ ๆ ค้นหาช่องว่างที่คู่แข่งยังไม่ได้เติมเต็ม     ตัวอย่าง: หากคุณทำธุรกิจ รับทำการตลาด และพบว่ามีคนค้นหาคำว่า "โฆษณาบน TikTok ดีไหม?" เป็นจำนวนมาก แสดงว่าตลาดกำลังสนใจ TikTok Ads คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อนำเสนอ บริการทำการตลาดออนไลน์บน TikTok ได้2. วิเคราะห์ Brand Analysis ด้วย Social ListeningBrand Analysis คือการวิเคราะห์ภาพลักษณ์ของแบรนด์ผ่านข้อมูลที่ได้รับจาก Social Listening โดยมีจุดสำคัญที่ต้องวิเคราะห์ ได้แก่Brand Sentiment วัดว่าผู้คนพูดถึงแบรนด์ในเชิงบวก ลบ หรือกลางVoice Share เปรียบเทียบว่าผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์ของคุณมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับคู่แข่งEngagement Trends วัดผลการมีส่วนร่วม เช่น ไลก์ คอมเมนต์ และแชร์     ตัวอย่าง: หากคุณเป็นบริษัท ทำการตลาดออนไลน์ และพบว่าลูกค้าพูดถึงแบรนด์ของคุณในแง่ของ "บริการมืออาชีพ" และ "ตอบสนองรวดเร็ว" คุณสามารถใช้จุดแข็งนี้ในการสร้างคอนเทนต์ที่เน้นจุดขายของคุณได้3. ใช้ Social Listening เพื่อพัฒนาคอนเทนต์ที่ตรงใจลูกค้าคอนเทนต์ที่ดีต้องตอบโจทย์ลูกค้า และ Social Listening สามารถช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่ตรงจุด โดยวิธีการดังนี้:วิเคราะห์คำถามที่ลูกค้าสนใจ ค้นหาว่าผู้บริโภคมีคำถามอะไรเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณใช้คีย์เวิร์ดที่ลูกค้าค้นหาบ่อย เพิ่ม SEO ให้บทความของคุณติดอันดับสูงขึ้นวัดผลกระแสตอบรับของคอนเทนต์ ปรับแต่งเนื้อหาตามพฤติกรรมผู้ใช้     ตัวอย่าง:…

Read More

Customer Data Platform (CDP) กับบทบาทสำคัญในการจัดการปัญหา Data Silos

ทำความเข้าใจ Customer Data Platform (CDP) Customer Data Platform (CDP) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในปัญหาหลักที่ CDP ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขคือ Data Silos ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไม่สามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้แบบครบวงจร Data Silos คืออะไร และทำไมจึงเป็นปัญหา? Data Silos หมายถึงสถานการณ์ที่ข้อมูลลูกค้าถูกจัดเก็บแบบกระจัดกระจายอยู่ในแผนกต่าง ๆ ขององค์กรโดยไม่มีการเชื่อมโยงกัน ส่งผลให้แต่ละแผนกไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้อย่างครบถ้วน เช่น แผนกการตลาดอาจมีข้อมูลจากแคมเปญโฆษณาออนไลน์ ขณะที่แผนกขายมีข้อมูลจาก Point of Sale และแผนกบริการลูกค้าอาจมีข้อมูลจากการติดต่อผ่าน Call Center ปัญหานี้ทำให้แบรนด์ไม่สามารถสร้าง Customer Profile ที่แม่นยำได้ เนื่องจากข้อมูลขาดความต่อเนื่อง ไม่สามารถติดตาม Customer Journey ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจส่งผลให้การวางกลยุทธ์ทางการตลาดและการบริการลูกค้าเกิดความล่าช้าหรือผิดพลาด CDP กับบทบาทในการจัดการ Data Silos CDP ช่วยแก้ปัญหา Data Silos โดยรวบรวมและจัดการข้อมูลลูกค้าจากทุกแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น First-Party Data (ข้อมูลที่ธุรกิจเก็บได้โดยตรง เช่น ชื่อ อีเมล ประวัติการซื้อ) หรือ Third-Party Data (ข้อมูลที่ได้จากแหล่งอื่น เช่น คุกกี้ หรือข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย) แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างมุมมองแบบองค์รวมของลูกค้า ข้อดีของ CDP ในการแก้ปัญหา Data Silos การรวมศูนย์ข้อมูลลูกค้า CDP สามารถดึงข้อมูลจากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ รวมถึงโซเชียลมีเดีย และระบบ CRM มารวมไว้ในที่เดียว การสร้าง Customer Profile แบบ 360 องศา ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่ง ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ลึกซึ้งขึ้น การใช้ข้อมูลได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย CDP ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องตามข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัว เช่น GDPR และ PDPA การสนับสนุนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) นักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลที่ CDP จัดเก็บเพื่อสร้างแคมเปญที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพ Customer Journey ทำให้แบรนด์สามารถวิเคราะห์และตอบสนองต่อพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ Customer Data Platform: กุญแจสำคัญในการบริหารข้อมูลยุคใหม่ แม้ว่าการมุ่งเน้นไปที่ First-Party Data จะช่วยลดปัญหา Data Silos ได้ในระดับหนึ่ง แต่แบรนด์ก็ยังต้องการข้อมูลจากแหล่งอื่นเพื่อให้เข้าใจ Customer Journey อย่างครบถ้วน นี่คือเหตุผลที่ CDP กลายเป็นโซลูชันที่สำคัญ เพราะมันช่วยรวมและประมวลผลข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ ออฟไลน์ หรือแพลตฟอร์มภายนอก ทำให้ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า บทสรุป Data Silos เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลลูกค้าได้อย่างเต็มที่ CDP จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการรวบรวม จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อให้แบรนด์สามารถเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นและปรับกลยุทธ์ให้ตอบสนองต่อพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การลงทุนใน CDP จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจยุคดิจิทัลไม่อาจมองข้าม หากต้องการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

Read More

TikTok หรือ YouTube คอนเทนต์แบบไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ?

     เจาะลึกแพลตฟอร์ม วัดผลลัพธ์ และกลยุทธ์เลือกให้เหมาะกับแบรนด์TikTok มาแรงสุดๆ! วิดีโอสั้นไวรัลง่ายYouTube ครองตลาดคอนเทนต์ยาว ให้ข้อมูลเชิงลึกคำถาม แล้วธุรกิจของคุณควรลงทุนกับแพลตฟอร์มไหน?คำตอบ "ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายของคุณ"     Unicronet รับทำการตลาด และ ทำการตลาดออนไลน์ ช่วยให้ธุรกิจของคุณเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพเปรียบเทียบ TikTok vs YouTube แบบเจาะลึก.1. TikTok แพลตฟอร์มแห่งไวรัลและ Engagement สูงจุดเด่น:คลิปสั้น (15 วินาที - 3 นาที) เข้าใจง่าย ไวรัลเร็วKOL (Key Opinion Leader) มีบทบาทสำคัญในกระแสไวรัลContent Marketing แบบไวรัลช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้เร็วEngagement สูง คอมเมนต์ แชร์ และโต้ตอบเยอะ     การใช้ KOL ร่วมกับกลยุทธ์ Content Marketing ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการให้คอนเทนต์ TikTok ของคุณเป็นที่จดจำ Storytelling คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์โดดเด่น     Unicronet รับทำการตลาด และ ทำการตลาดออนไลน์ บน TikTok เพื่อให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายได้รวดเร็วช่วยออกแบบกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ของคุณ2. YouTube ศูนย์กลางของคอนเทนต์เชิงลึกและความน่าเชื่อถือจุดเด่น:รองรับวิดีโอความยาวสูงสุดหลายชั่วโมงเหมาะกับการให้ความรู้ รีวิวสินค้า และสร้างแบรนด์ด้วย Storytellingใช้ Content Marketing เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและติดอันดับ SEOวิดีโอที่มีความยาว ค้นหาได้ง่ายผ่าน YouTube Search     YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการใช้ Storytelling เพื่อเล่าเรื่องแบรนด์ และช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า การใช้ KOL ใน YouTube ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในเนื้อหาที่เน้นรีวิวหรือให้ความรู้     Unicronet ให้บริการ รับทำการตลาด และ ทำการตลาดออนไลน์ บน YouTube พร้อมช่วยออกแบบ Content Marketing ที่ทำให้วิดีโอของคุณติดอันดับและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด: ใช้ TikTok และ YouTube ร่วมกัน     หลายแบรนด์ใช้กลยุทธ์ Content Marketing ที่ผสมผสาน TikTok และ YouTube เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด3 วิธีใช้ TikTok & YouTube ร่วมกันให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดใช้ TikTok ดึงคนเข้ามา แล้วส่งต่อไปยัง YouTube ทำวิดีโอสั้นบน TikTok แล้วแปะลิงก์ให้คนไปดูเนื้อหาฉบับเต็มบน YouTubeใช้คอนเทนต์จาก YouTube ให้กลายเป็น TikTok ตัดไฮไลต์จากวิดีโอ YouTube มาโพสต์บน TikTok เพื่อเพิ่ม Trafficใช้ TikTok สร้างไวรัล แล้วใช้ YouTube สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว TikTok สร้างกระแส แต่ YouTube ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและเชื่อถือแบรนด์มากขึ้น     การใช้ KOL และ Storytelling อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำในทุกแพลตฟอร์ม   …

Read More

Retargeting เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ บน TikTok Shop

Retargeting เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ บน TikTok Shop    การทำ Retargeting เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการบนแพลตฟอร์ม TikTok โดยการเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์หรือสินค้า ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่ตรงใจผู้ใช้งานในแต่ละช่วงของกระบวนการตัดสินใจ (Consumer Journey) เพื่อผลักดันให้เกิดการซื้อสินค้าในท้ายที่สุดAudience Retargeting คืออะไร?     Audience Retargeting คือการเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการดูสินค้า ใส่สินค้าในตะกร้า หรือเริ่มกระบวนการชำระเงิน แต่ยังไม่ได้ซื้อ ด้วยเนื้อหาที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความสนใจในแต่ละช่วงของ Consumer Journey เพื่อสร้างโอกาสในการเปลี่ยนใจผู้ใช้ให้กลายเป็นลูกค้าได้สำเร็จ     ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการ รับทำการตลาด จะสามารถวิเคราะห์และเลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้การ Retargeting บน TikTok สร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์      สำหรับธุรกิจที่มองหาผู้เชี่ยวชาญ รับทำการตลาด บน TikTok กลยุทธ์ Retargeting สามารถช่วยเพิ่ม ROI ได้อย่างมีประสิทธิภาพการเดินทางของผู้บริโภค (Consumer Journey)     Consumer Journey คือกระบวนการที่ลูกค้าเดินทางผ่านแต่ละขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการตัดสินใจซื้อ โดยในแต่ละขั้นตอนสามารถใช้ Retargeting เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคข้ามไปยังขั้นตอนถัดไปได้ ตัวอย่างขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่:การค้นหาและรับรู้ (Awareness): ผู้บริโภคเริ่มสนใจและรู้จักแบรนด์การพิจารณา (Consideration): ผู้บริโภคเปรียบเทียบตัวเลือกและเริ่มศึกษาข้อมูลสินค้าการตัดสินใจซื้อ (Decision): ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าหรือบริการการซื้อซ้ำ (Retention): ผู้บริโภคพึงพอใจและกลับมาซื้อซ้ำหรือแนะนำให้ผู้อื่น     การวางแผน การตลาด TikTok Shop โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า     สำหรับผู้ที่มองหาบริการ รับทำการตลาด การเข้าใจ Consumer Journey จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาได้อย่างมากตัวอย่างของกลุ่มเป้าหมายในการ Retargeting- กลุ่มลูกค้าใหม่ลูกค้าใหม่ที่เคยดูสินค้าแต่ยังไม่ซื้อ (Product Page View)Target: ผู้ที่เคยดูรายละเอียดสินค้าใน 7-180 วันOptimization: มุ่งเป้าไปที่การปิดการขาย (Complete Payment)ลูกค้าที่ใส่สินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ซื้อ (Add To Cart)Target: ผู้ที่ใส่สินค้าในตะกร้าในช่วง 7-180 วันOptimization: ส่งเสริมให้เกิดการชำระเงินสำเร็จ- กลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยกับแบรนด์การซื้อซ้ำ (Repeat Purchase)Target: ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าในรอบ 60 วันที่ผ่านมา แต่ไม่รวมลูกค้าที่เพิ่งซื้อใน 14 วันที่ผ่านมาOptimization: กระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและเพิ่มความถี่ในการซื้อการขายเพิ่ม (Up Selling)Target: ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าในรอบ 60 วันOptimization: เสนอขายสินค้าราคาสูงหรือแพ็กเกจสินค้าการขายข้ามประเภท (Cross Selling)Target: ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าภายในแบรนด์ใน 30 วันOptimization: เสนอขายสินค้าประเภทอื่นที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการ รับทำการตลาด บน TikTok การแบ่งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนจะช่วยให้การโฆษณามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นขั้นตอนการสร้าง Shop Activity Audience บน TikTok Adsไปที่เมนู เนื้อหา > ผู้ชมคลิก สร้างผู้ชม > ผู้ชมที่กำหนดเองเลือก กิจกรรมร้านค้า เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายจากการกระทำใน TikTok Shop เช่น การดูหน้ารายละเอียดสินค้า การใส่สินค้าในตะกร้า หรือเริ่มกระบวนการชำระเงินกำหนดกรอบเวลามองย้อนกลับ (7, 14, 30, 60,…

Read More

Persona สำคัญอย่างไร? วิธีสร้าง Buyer Persona ยังไงให้ใช้งานได้จริง

Persona สำคัญอย่างไร?  วิธีสร้าง Buyer Persona ยังไงให้ใช้งานได้จริง         ในโลกของการตลาดดิจิทัล การรู้จัก "ใคร" คือกลุ่มเป้าหมายของเรามีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา และนี่คือเหตุผลที่ Buyer Persona หรือ ต้นแบบของลูกค้า (Customer Archetype) มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดให้ประสบความสำเร็จ     Buyer Persona ไม่ใช่แค่การเดาสุ่มว่าใครจะซื้อสินค้าของเรา แต่คือการศึกษาลงลึกถึง พฤติกรรม ความต้องการ และปัญหา ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้แบรนด์สามารถออกแบบสินค้า บริการ หรือการสื่อสารที่ตรงใจมากที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับธุรกิจที่กำลังมองหาทีม รับทำการตลาด เพื่อสร้างแคมเปญที่ตอบโจทย์Buyer Persona สำคัญอย่างไร?ปรับกลยุทธ์ได้ตรงจุด: การเข้าใจ Persona ช่วยให้เรารู้ว่าเนื้อหาประเภทใด โฆษณาแบบไหน หรือแพลตฟอร์มใดที่จะได้ผลที่สุด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทีม รับทำการตลาด ในการวางแผนที่แม่นยำเพิ่ม Conversion: เมื่อการสื่อสารของคุณตรงกับปัญหาหรือความต้องการของลูกค้า ความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนจากผู้สนใจเป็นผู้ซื้อจะสูงขึ้นซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการ รับทำการตลาดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น: การรู้ว่าคุณควรลงทุนในช่องทางไหนและหลีกเลี่ยงช่องทางใดช่วยประหยัดงบประมาณได้สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ: เมื่อเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความภักดีต่อแบรนด์ได้ ซึ่งทีม รับทำการตลาด มักใช้จุดนี้ในการสร้างความได้เปรียบให้แบรนด์วิธีสร้าง Buyer Persona ที่ใช้งานได้จริง.1. เก็บข้อมูลลูกค้า (Research Phase)เริ่มต้นด้วยการเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุม:วิเคราะห์ลูกค้าปัจจุบัน:ดูจากข้อมูลการซื้อ พฤติกรรมการใช้งาน หรือความถี่ในการซื้อสำรวจตลาด:ใช้แบบสอบถามหรือสัมภาษณ์ลูกค้าเพื่อเข้าใจถึงปัญหาและความคาดหวังดูจาก Insights บนแพลตฟอร์มดิจิทัล: เช่น Facebook Audience Insights, Google Analytics หรือ TikTok Analytics เพื่อรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณมีพฤติกรรมอย่างไรข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทีม รับทำการตลาด จะนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น2. แบ่งกลุ่มตามข้อมูลประชากร (Demographics)ข้อมูลที่ควรระบุ:อายุเพศอาชีพรายได้สถานที่อยู่ตัวอย่าง:Persona 1: สาววัย 25-35 ปี ทำงานสายครีเอทีฟในเมืองใหญ่ ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ รายได้ปานกลางถึงสูง การแบ่งกลุ่มนี้ทำให้การออกแบบคอนเทนต์และโฆษณาของทีม รับทำการตลาด สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น3. วิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการ (Psychographics)นอกเหนือจากข้อมูลพื้นฐาน ลองเจาะลึกถึง:ไลฟ์สไตล์: พวกเขาทำอะไรในเวลาว่าง?Pain Points: ปัญหาหรืออุปสรรคที่พวกเขาเจอในชีวิตความต้องการ: สิ่งที่พวกเขาอยากได้หรือหวังว่าจะได้จากแบรนด์ตัวอย่าง:Persona 1: "ชอบความสะดวก รวดเร็ว มีเวลาแค่น้อยนิด แต่ต้องการคุณภาพสูงในสิ่งที่ซื้อ"การเข้าใจในจุดนี้ จะช่วยให้ทีม รับทำการตลาด วางแผนคอนเทนต์หรือโฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงใจ4. สร้างโปรไฟล์ Personaนำข้อมูลทั้งหมดมารวมกันเป็น "ตัวละครสมมติ" เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและสื่อสารกับทีมงานตัวอย่าง Buyer Persona:ชื่อ: แอนนาอายุ: 30 ปีอาชีพ: นักออกแบบกราฟิกในกรุงเทพPain Point: มีเวลาจำกัด แต่ต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพและพร้อมรับประทานความต้องการ: ชอบเทคโนโลยี ใช้งานแอปสั่งอาหารบ่อย และต้องการสินค้าที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นโปรไฟล์นี้จะช่วยให้การทำแคมเปญการตลาดชัดเจนขึ้น และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทีม รับทำการตลาด จะนำไปใช้ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด5. นำ Persona ไปใช้ในกลยุทธ์การตลาดการออกแบบคอนเทนต์:ใช้ Persona ในการกำหนดว่าคอนเทนต์ควรมีโทนแบบไหน เช่น แอนนาที่มีเวลาจำกัด อาจสนใจวิดีโอ How-to ที่ใช้เวลาไม่นานการเลือกแพลตฟอร์ม:หาก Persona ของคุณอยู่ในกลุ่ม Gen Z อาจเน้น TikTok หรือ Instagram มากกว่าการตั้งเป้าหมายโฆษณา:ใช้ข้อมูล Persona ในการตั้งค่า Target Audience บน Facebook…

Read More

กลยุทธ์คอนเทนต์แบบ TOFU, MOFU, BOFU สร้างยังไงให้ลูกค้าติดใจตั้งแต่แรกเห็น

กลยุทธ์คอนเทนต์แบบ TOFU, MOFU, BOFU สร้างยังไงให้ลูกค้าติดใจตั้งแต่แรกเห็น      การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงกลยุทธ์คอนเทนต์ที่แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ TOFU (Top of Funnel), MOFU (Middle of Funnel) และ BOFU (Bottom of Funnel) ในบทความนี้เราจะมาสำรวจวิธีการสร้างคอนเทนต์ในแต่ละระดับเพื่อดึงดูดลูกค้าและทำให้พวกเขาติดใจตั้งแต่แรกเห็น 1. TOFU (Top of Funnel): การสร้างการรับรู้      ระดับ TOFU เป็นขั้นตอนแรกในการดึงดูดลูกค้าใหม่ เป้าหมายของคอนเทนต์ในระดับนี้คือการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของคุณ คอนเทนต์ที่น่าสนใจในระดับ TOFU มักจะเป็นเนื้อหาที่ให้ข้อมูล เช่น บทความในบล็อก วิดีโอสั้น หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย วิธีการสร้างคอนเทนต์ TOFU ที่น่าสนใจ: ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์: สร้างบทความหรือวิดีโอที่ตอบโจทย์คำถามหรือปัญหาที่ผู้คนเผชิญ เช่น “10 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดออนไลน์ในปี 2024” ใช้รูปแบบที่หลากหลาย: ใช้กราฟิก อินโฟกราฟิก หรือวิดีโอเพื่อทำให้ข้อมูลน่าสนใจยิ่งขึ้น กระตุ้นให้เกิดการแชร์: สร้างเนื้อหาที่มีความน่าสนใจและกระตุ้นให้ผู้คนแชร์ เช่น แคมเปญท้าทายบนโซเชียลมีเดีย 2. MOFU (Middle of Funnel): การสร้างความสนใจ      เมื่อผู้คนเริ่มรู้จักแบรนด์ของคุณแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างความสนใจให้กับพวกเขาในระดับ MOFU คอนเทนต์ในระดับนี้ควรมุ่งเน้น ที่การสร้างความสัมพันธ์และให้ข้อมูลที่มีค่า เช่น eBook, กรณีศึกษา หรือวิดีโอสอน วิธีการสร้างคอนเทนต์ MOFU ที่น่าสนใจ: เสนอ eBook หรือคู่มือ: ให้ eBook ฟรีที่มีข้อมูลลึกซึ้งเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือแนวโน้มที่สำคัญ เช่น “คู่มือการตลาดดิจิทัลสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก” กรณีศึกษา: แบ่งปันกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่ลูกค้าของคุณได้รับจากการใช้บริการหรือผลิตภัณฑ์ของคุณ สร้างการมีส่วนร่วม: จัดทำเว็บบินาร์หรือการสัมมนาออนไลน์ที่ให้ความรู้และตอบคำถามลูกค้า 3. BOFU (Bottom of Funnel): การสร้างการตัดสินใจ      ในระดับ BOFU เป้าหมายคือการช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจในการซื้อ คอนเทนต์ในระดับนี้มักจะเป็นรีวิวสินค้า โปรโมชั่น หรือการสาธิตสินค้า วิธีการสร้างคอนเทนต์ BOFU ที่น่าสนใจ: รีวิวสินค้าและบริการ: สร้างคอนเทนต์รีวิวที่ชัดเจน โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติและประโยชน์ของสินค้า เช่น “ทำไมคุณควรเลือกคอร์สการตลาดออนไลน์ที่ Right Lane Academy” โปรโมชั่นพิเศษ: เสนอโปรโมชั่นหรือส่วนลดที่จำกัดเวลาเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ เช่น “สมัครวันนี้รับส่วนลด 20% สำหรับคอร์สการตลาดออนไลน์” การสาธิตผลิตภัณฑ์: จัดทำวิดีโอสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์และความสะดวกสบายในการใช้งาน สรุป การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพในระดับ TOFU, MOFU, และ BOFU จะช่วยให้คุณสามารถดึงดูดและรักษาความสนใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์และให้คุณค่าแก่ผู้บริโภค คุณจะสามารถเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าประจำได้อย่างยั่งยืน หากคุณต้องการสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์และทำให้ลูกค้าติดใจ ตั้งแต่แรกเห็น อย่าลืมให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหาและการเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของคุณ! —————————- หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมทำการตลาดออนไลน์ เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณ ไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน ติดต่อรับคำปรึกษาฟรี !!! Tel : 094-616-3651 Line OA :…

Read More

รู้จัก! Brand Loyalty ทำไมความภักดีต่อแบรนด์ถึงสำคัญในยุคดิจิทัล

รู้จัก! Brand Loyalty ทำไมความภักดีต่อแบรนด์ถึงสำคัญในยุคดิจิทัล       ในยุคที่ธุรกิจแข่งขันกันอย่างรุนแรง การสร้างความโดดเด่นไม่ใช่แค่การมีผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จนี้คือ "Brand Loyalty" หรือความภักดีต่อแบรนด์ Brand Loyalty คืออะไร?       Brand Loyalty หมายถึงความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ของคุณ ที่ไม่ได้เกิดจากแค่ความชอบในตัวสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่รวมถึงความไว้วางใจ ความเชื่อถือ และความสัมพันธ์เชิงบวกที่เกิดขึ้นระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ลูกค้าที่มี Brand Loyalty มักจะกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำ แนะนำแบรนด์ให้กับผู้อื่น และสนับสนุนแบรนด์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก . ทำไม Brand Loyalty ถึงสำคัญ? การรักษาลูกค้าประจำ: การมีลูกค้าประจำที่ภักดีช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาลูกค้าเดิมหลายเท่า เพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า: ลูกค้าที่ภักดีมักจะใช้จ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ กับแบรนด์ของคุณ และช่วยเพิ่ม Lifetime Value (LTV) ของธุรกิจ การตลาดแบบปากต่อปาก: ลูกค้าที่มีความพึงพอใจและภักดีต่อแบรนด์มักจะเป็นผู้สนับสนุนที่ดีที่สุด พวกเขาจะแนะนำแบรนด์ของคุณให้กับเพื่อน ครอบครัว และเครือข่าย ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักโดยไม่ต้องใช้งบประมาณการตลาดเพิ่มเติม ความสามารถในการแข่งขัน: ในตลาดที่มีตัวเลือกมากมาย Brand Loyalty ช่วยสร้างความแตกต่างและทำให้ลูกค้าเลือกแบรนด์ของคุณมากกว่าแบรนด์อื่น ๆ วิธีสร้าง Brand Loyalty ผ่านกลยุทธ์ Digital Marketing        การสร้าง Brand Loyalty ต้องอาศัยการผสมผสานหลายปัจจัย ตั้งแต่คุณภาพของสินค้าไปจนถึงประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจากการใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ กลยุทธ์ช่องทางการตลาด ที่หลากหลายในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า นี่คือวิธีการสร้างความภักดีที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ การทำความเข้าใจ Customer Journey: เพื่อสร้าง Brand Loyalty คุณต้องทำความเข้าใจ Customer Journey ของลูกค้า ตั้งแต่การรับรู้แบรนด์ การตัดสินใจซื้อ ไปจนถึงการกลับมาซื้อซ้ำ วิเคราะห์แต่ละขั้นตอนและสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกจุดของการเดินทางนี้ สร้าง Customer Persona: การสร้าง Customer Persona ที่ชัดเจนเป็นขั้นตอนสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์การตลาด การรู้ว่าลูกค้าเป็นใคร ต้องการอะไร และปัญหาของพวกเขาคืออะไร ช่วยให้คุณสามารถสร้างแคมเปญที่ตรงใจลูกค้าได้ สร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า: ความภักดีของลูกค้ามักจะเกิดจากประสบการณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การบริการลูกค้าไปจนถึงคุณภาพของสินค้าและการส่งมอบที่รวดเร็ว การตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า: ฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้า เพื่อปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของพวกเขา พัฒนาความสัมพันธ์ที่มีความหมาย: สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับลูกค้า ทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่า โดยอาจใช้วิธีการส่งเสริมการขายพิเศษ การให้ส่วนลด หรือโปรแกรมสะสมแต้ม การสื่อสารผ่านช่องทาง Digital Marketing: ใช้กลยุทธ์ช่องทางการตลาดดิจิทัลที่สอดคล้องกับ Customer Journey ของลูกค้า เช่น การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเชื่อมต่อและสร้างปฏิสัมพันธ์ การใช้คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งเพื่อให้ความรู้ และการทำอีเมลมาร์เก็ตติ้งเพื่อติดตามลูกค้าหลังการซื้อ สร้างคอนเทนต์ที่สอดคล้องและสร้างสรรค์: การใช้คอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า เช่น บทความ วิดีโอ หรือสื่อโซเชียล ทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์และรับรู้ถึงความตั้งใจของธุรกิจ แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม: ลูกค้าในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การแสดงความห่วงใยต่อชุมชนหรือการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนจะช่วยสร้างความไว้วางใจและเพิ่มความภักดีของลูกค้า สรุป        Brand Loyalty เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืนในระยะยาว เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาลูกค้าเก่าไว้ แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยาวนาน การลงทุนในความภักดีของลูกค้าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว เริ่มสร้าง…

Read More

วิธีแบ่งงบทำการตลาด ด้วยงบเพียง 10,000 บาท

     ในการเริ่มทำการตลาดออนไลน์ ด้วยงบประมาณเพียง 10,000 บาท ไม่ใช่เรื่องยากหากมีการวางแผนที่ดีและมีประสิทธิภาพโดยจะแบ่งงบออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้ . 1. Production: การเตรียมคอนเทนต์       การทำคอนเทนต์ที่ดึงดูดใจเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำการตลาดออนไลน์ ในช่วงแรกของการโปรโมต ควรจัดสรรงบประมาณ 20-30% เพื่อการถ่ายภาพสินค้า การออกแบบกราฟิก และการตัดต่อวิดีโอ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้เนื้อหาที่มีคุณภาพ สามารถใช้ซ้ำได้ในระยะยาว        หากคุณมีความสามารถในการผลิตคอนเทนต์ด้วยตนเอง จะช่วยประหยัดเงินในส่วนนี้ได้มากขึ้น นอกจากนี้ เมื่อคอนเทนต์พื้นฐานพร้อมแล้วคุณอาจลดงบในส่วนนี้ลงได้ เพราะไม่จำเป็นต้องสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่อยู่เสมอ . 2. ค่าจ้าง Influencer      การใช้ Influencer มาช่วยโปรโมตสินค้าไม่เพียงแค่เพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณได้ หากเลือกใช้อย่างเหมาะสม คอนเทนต์จาก Influencer สามารถนำมาใช้ในสื่อของแบรนด์ได้อีก        ในช่วงเริ่มต้น ค่าจ้าง Influencer และการทำคอนเทนต์ควรรวมกันไม่เกิน 50% ของงบทั้งหมด เพื่อให้เหลืองบประมาณเพียงพอสำหรับการโฆษณา และโปรโมตให้กับแบรนด์ของคุณ . 3. ค่าโฆษณา: หัวใจของการโปรโมต        งบส่วนที่เหลืออีก 50% ควรใช้สำหรับการโฆษณาออนไลน์ สินค้าที่ดีและคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจะไม่มีประโยชน์ หากลูกค้าเป้าหมายไม่เห็นการใช้โฆษณาวิดีโอสั้น ๆ เพื่อดึงความสนใจในช่วงแรกใช้งบประมาณ 1,000 - 1,500 บาท จากนั้น นำงบที่เหลือไปใช้กับโฆษณาที่เน้นยอดขายโดยตรง เช่น โฆษณาข้อความ (Text Ads) หรือ Shop Ads และอย่าลืมใช้ Ads Retarget เพื่อติดตามกลุ่มลูกค้าที่เคยดูวิดีโอแล้วกลับมาซื้อสินค้า . สรุปการแบ่งงบการตลาด Production: 20-30% ของงบทั้งหมด Influencer & Production: รวมกันไม่เกิน 50% โฆษณา: 50% ของงบที่เหลือ   การวางแผนงบประมาณการตลาดให้ดีจะช่วยให้คุณใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด   —————————- หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมทำการตลาดออนไลน์ เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน ติดต่อรับคำปรึกษาฟรี !!! Tel : 094-616-3651 Line OA : @unicronet #Unicronet #PerformanceMarketing #digital agency #เอเจนซี่โฆษณา #Marketing agency #Content marketing

Read More
Back To Top