ในยุคที่ทุกแบรนด์ต่างแข่งกันแย่งพื้นที่บนโลกออนไลน์ การขาดไอเดียหรือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงกับการทำคอนเทนต์ เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อย โดยเฉพาะกับนักการตลาดที่ทำการตลาดออนไลน์, เจ้าของธุรกิจ, เอเจนซี่โฆษณา หรือทีมที่รับทำการตลาด ที่ต้องรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็วแบบก้าวกระโดด ถ้าคุณกำลังเจอปัญหาแบบนี้อยู่ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับแนวทางใหม่ของการทำ Content Marketing ที่ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ช่วยให้คุณวางแผนสร้างเนื้อหาได้อย่างเป็นระบบด้วย Content Pillar ที่ใช้ได้จริง บทความนี้จะพาคุณย้อนกลับไปสู่ประวัติความเป็นมาของ Agency และการเปลี่ยนแปลงที่นำมาสู่ยุคของ Digital Marketing ที่มีบริษัททำการตลาดออนไลน์มากมายเหมือนในปัจจุบัน ปัญหาโลกแตกของนักการตลาดยุคใหม่ การสร้างคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำ Content Marketing ให้ประสบความสำเร็จ แต่หลายครั้งนักการตลาด และทีมที่รับทำการตลาดต่างประสบปัญหาเดียวกัน คือการคิดหัวข้อใหม่ๆ ไม่ออก ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของ Content Pillar และประสิทธิภาพของแคมเปญโดยรวม เคล็ดลับเด็ด! แก้ปัญหาคิดคอนเทนต์ไม่ออก 1. สร้างระบบ Content Pillar ที่ชัดเจน การมี Content Pillar ก็เหมือนกับการมีแผนที่นำทาง เพราะการกำหนดหัวข้อหลักๆ ของคอนเทนต์เอาไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้เราสร้างเนื้อหาได้อย่างมีทิศทาง เช่น แบ่งเป็นหมวดหมู่ให้ความรู้, การแก้ปัญหา, สร้างแรงบันดาลใจ หรือโปรโมทสินค้า/บริการ . 2. ระดมสมองแบบมีเทคนิค เทคนิคนี้ช่วยให้เอเจนซี่โฆษณาและทีมทำการตลาดออนไลน์ได้มุมมอง และไอเดียที่หลากหลายมากขึ้น ด้วยการจัดประชุมระดมสมอง โดยชวนคนจากหลายๆ แผนกมาช่วยกันออกความคิด ก็จะทำให้ Content Pillar ของคุณมีความน่าสนใจมากขึ้น 3. ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึก เพราะข้อมูลลูกค้าคือขุมทรัพย์ การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าจากระบบ CRM หรือเครื่องมือ Analytics ต่างๆ จะช่วยให้เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของเราต้องการอะไร และข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้างคอนเทนต์ที่โดนใจได้ . 4. ใช้ AI ให้เป็นประโยชน์ ในยุคนี้ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หลายๆ ทีมที่รับทำการตลาด และเอเจนซี่โฆษณา ต่างก็เริ่มใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยวิเคราะห์เทรนด์, พฤติกรรมของลูกค้า และเสนอไอเดียคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ซึ่งสามารถทำให้การทำ Content Marketing ของคุณ ที่มีประสิทธิภาพ และตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น . 5. สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ หรือคนที่น่าสนใจ การสร้างคอนเทนต์จากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ, คนที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ก็ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้ได้คอนเทนต์ที่เอาไปใช้ทำคอนเทนต์ได้หลายรูปแบบ ทั้งบทความยาว วิดีโอ หรือซีรีส์เนื้อหาที่ต่อเนื่อง . เคล็ดลับเด็ด! แก้เปิดคลังไอเดีย Content Pillar ช่วยสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ 1. เนื้อหาแบบ Real-time และ Trending เพราะการสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น มีมตลกจากเทรนด์บนโซเชียลมีเดีย คอนเทนต์เฉพาะเทศกาล หรือการแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสังคม เป็น Content Pillar ประเภทหนึ่งที่ช่วยให้แบรนด์ดูทันสมัย และเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย ดังนั้นถ้าไม่รู้จะทำคอนเทนต์อะไร ก็เกาะกระแสไปเลย . 2. คอนเทนต์เชิงให้ความรู้ โดยการสร้างคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ทำคู่มือการใช้งาน, วิดีโอสาธิต หรือบทความเทคนิคที่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลูกค้า เพื่อเพิ่มสร้างความเชื่อถือ และทำให้แบรนด์กลายเป็น…

How to เพิ่มยอดขายเป็น 2 เท่า โดยไม่ต้องเพิ่มงบโฆษณา
อยากเพิ่มยอดขาย แต่ไม่อยากเปลืองงบกับค่าโฆษณา ต้องหาทางออกด้วย Performance Marketing
โดยทั่วไปเวลาที่เราอยากเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น หลายๆ เอเจนซี่โฆษณา มักตามมาด้วยการยิงโฆษณาที่มากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้แต่วันนี้เรามีเทคนิคการทำ Performance Marketing เพื่อวางแผนการวัดผลที่ดีและทำให้คุณจ่ายค่า Ads ไม่ถึง 2 เท่า แต่สามารถเพิ่มยอดขายได้เป็นเท่าตัว
1.) วางแผน Funnel เก็บข้อมูลการยิง Ads แยกตาม Channel สำหรับคนที่ยิง Ads หลายช่องทาง เช่น Facebook , Google , TikTok หรืออื่นๆ จำเป็นต้องวางแผนการเก็บข้อมูลเป็น Funnel แยกตาม Channel เพราะในแต่ละช่องทางมักจะมี Cost per conversion หรือ Basket Size ที่ต่างกัน ทำให้การวัดผลความคุ้มค่าของแต่ละ Channel ต้องเก็บข้อมูลแยกกัน และสำคัญที่สุดคือ เพื่อหา ROAS ของ Channel ต่างๆที่ชัดเจนมากขึ้น
2.) จัดลำดับ Priority ของ Ads ที่มี ROAS สูงไปต่ำหลังจากเก็บข้อมูลแยก Channel ได้แล้ว เราจะเริ่มเห็นงบประมาณที่เราใช้ในแต่ละ Channel เทียบกับยอดขายที่ได้รับ ทำให้เราคำนวณ ROAS ได้ง่ายขึ้น และ สามารถจัดลำดับความสำคัญของแต่ละ Channel ได้ดีขึ้น เช่น เราใช้เงินค่าโฆษณารวม 100,000 บาท ต่อเดือน เราจะสามารถเน้นน้ำหนักของงบไปกับ Channel ที่ทำ ROAS ได้ดีที่สุด (แต่ไม่ควร All in ไปใน Channel ที่ดีที่สุดช่องทางเดียว เพราะเสี่ยงเกินไป และอาจมีปัจจัยภายนอกอื่นๆที่ไม่คาดคิดมากระทบได้)
3.) สร้าง Dashboard สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลให้ง่ายขึ้นเพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น ควรสร้าง Dashboard สำหรับอ่านข้อมูลได้ง่ายๆ เช่น อาจใช้ Google Data Studio ทำกราฟเปรียบเทียบเงินค่าโฆษณา และยอดขายในแต่ละ Channel จะทำให้การตรวจสอบปัญหา และแก้ไข ทำได้ง่าย และรวดเร็วขึ้นมากๆ
4.) อย่ายึดติด หมั่นตรวจสอบ และรีบปรับแผนการทำงานตามสถานการณ์ส่วนใหญ่เวลาวางแผนการตลาด เราอาจวางเป็นแผนรายเดือน รายไตรมาศ หรือรายปี ซึ่งบางทีเราอาจจะยึดติดกับแผนมากเกินไป ทำให้การปรับเปลี่ยนแผนค่อนข้างช้า และอาจเสียโอกาสที่ดีได้ เราจึงควรหมั่นตรวจสอบ Dashboard หรือ KPI ต่างๆอยู่เสมอ เพื่อให้เราแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้นตามสถานการณ์ เช่น อาจมีการทดสอบเป็นรายสัปดาห์ กลยุทธ์ยังทำไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็ต้องรีบวิเคราะห์หาสาเหตุ และทดลอง Content ใหม่ๆอยู่เสมอ
เมื่อเรามีเทคนิคการเก็บ Data และทำ Report ที่ดี การปรับกลยุทธ์ รวมถึงสัดส่วนงบประมาณโฆษณา ให้เสกลยอดขายได้มากขึ้น ก็จะไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากขึ้นเป็นเท่าตัวเสมอไป อาจจะไม่ต้องใช้ เอเจนซี่โฆษณา แต่เราจะรู้ได้ว่า Channel ไหน หรือ Content ไหน ที่สร้างยอดขายได้คุ้มค่ามากที่สุด และบางครั้ง Channel ที่สร้างยอดขายได้ “มากที่สุด” อาจจะไม่ใช่ Channel ที่ “คุ้มค่าที่สุด” สำหรับคุณก็ได้ยังมีเทคนิคอีกมากมายในการประยุกต์ใช้ Performance Marketing ที่น่าสนใจ ในการทำธุรกิจ และการวางแผนการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณา ให้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
———————————–
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมทำ เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน
ติดต่อปรึกษา เอเจนซี่โฆษณา ได้ที่ :: 094-616-3651
Line OA : @Unicronet
#Unicronet #PerformanceMarketing #DigitalAgency #เอเจนซี่โฆษณา