- หนังสือแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับพนักงาน
บริษัท อินเทลลิเจนท์ คอนซัลติ้ง แอนด์ บิสซิเนส ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (รวมเรียกว่า “บริษัท”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของพนักงาน ของบริษัท (รวมเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบ และทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้
1. วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการด้านเอกสารก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างนายจ้าง และลูกจ้าง เป็นคู่สัญญากับบริษัท อินเทลลิเจนท์ คอนซัลติ้ง แอนด์ บิสซิเนส ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
1.2 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายควบคุม โรคติดต่อ ประกันสังคม
1.3 เพื่อประโยชน์ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามชอบด้วยกฎหมาย เช่น การบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคล การจัดสวัสดิการต่าง ๆ การบริหารด้านการเงิน งบประมาณการจัดสิ่งอำนวยความสะดวก และสิ่งแวดล้อมในการทำงาน การดูแลพนักงานหลังพ้นสภาพ การเป็นพนักงาน การติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายใน และภายนอกองค์กรรวมถึงหน่วยงานของรัฐ การรักษาความปลอดภัยทางด้านต่าง ๆ เช่น ทางกายภาพ ทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจสอบภายในองค์กร การจัดการเกี่ยวกับข้อร้องเรียนการทุจริต หรือข้อพิพาทต่าง ๆ
1.4 เพื่อประโยชน์ทางด้านความปลอดภัย เช่น จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย บันทึกภาพกล้องวงจรปิด
1.5 เพื่อการแจ้งข่าวสาร และสิทธิประโยชน์ของทางเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในบริษัท ผ่านทาง อีเมล ข้อความ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ และไดเร็กเมล
1.6 เพื่อป้องกัน และระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
1.7 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดในรายละเอียดการทำสัญญาลูกจ้าง ดังนี้
1.) ข้อมูลตามเอกสารที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัท เช่น Resume Curriculum Vitae (CV) จดหมายสมัครงานใบสมัครงาน ความเห็นประกอบการสรรหาพนักงาน
2.) ข้อมูลเฉพาะตัวบุคคล เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ชื่อกลาง ชื่อเล่น ลายมือชื่อ วันเดือนปีเกิด อายุ รูปถ่าย เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ ข้อมูลทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
3.) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ทางไปรษณีย์บ้าน ชื่อผู้ใช้งานในสังคมออนไลน์ (Line ID, Facebook)
4.)ข้อมูลส่วนบุคคลด้านการเงิน เช่น สำเนาสมุดบัญชีธนาคารสำหรับการจ่ายเงินเดือน
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดในใบสมัคร ดังนี้
1.) ข้อมูลของคู่สมรส บุตร และบิดา มารดา หรือผู้อยู่ในความดูแลของท่าน เช่น ชื่อ นามสกุล อาชีพ
2.) ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา เช่น รายละเอียดการจ้างงาน รวมถึงประวัติการทำงานและประวัติการศึกษา เช่น ประเภทการจ้างงาน อาชีพ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่ ความเชี่ยวชาญ ประวัติการดำรงตำแหน่ง ประวัติการทำงาน วันเริ่มงาน วันออกจากงาน ผลงาน สถาบันการศึกษา วุฒิการศึกษา ผลการศึกษา วันที่สำเร็จการศึกษา
3.) ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ
4.) รายละเอียดของบุคคลที่อ้างถึง และรายละเอียดของผู้ที่บริษัทสามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ โรคประจำตัว โรคติดต่อ การตั้งครรภ์ และ ประวัติอาชญากรรม เป็นต้น
2.4 ข้อมูลคุกกี้ บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กำหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้
2.5 ข้อมูลจากการทำแบบทดสอบระหว่างการพิจารณาหรือการสัมภาษณ์ เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นำ การเข้าสังคม ซึ่งอาจได้จากการทำแบบทดสอบ , การสังเกตและวิเคราะห์ของบริษัทในระหว่างพิจารณาเข้าทำงาน
2.6 ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญาว่าจ้าง การดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการ การวิเคราะห์และการบริหารงานของบริษัทและการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ
3. หลักเกณฑ์การเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นที่ไม่ใช่ของท่านโดยตรง เว้นแต่กรณีที่บริษัทได้แจ้งท่านถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นภายใน 30 วัน และได้รับความยินยอมจากท่านแล้ว
3.2 บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลละเอียดอ่อน เช่นเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อท่านในทำนองเดียวกัน โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 26 บัญญัติให้กระทำได้
3.3 บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคล หรือ นิติบุคคลภายนอก หรือนิติบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ดังที่แจ้งในข้อ 3 (วัตถุประสงค์) ดังนี้
1.) หน่วยงานของรัฐที่ต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการตามกฎหมาย เช่น หน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย หรือมีอำนาจควบคุมกำกับดูแล หรือมีวัตถุประสงค์อื่นที่มีความสำคัญ เช่น คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีผู้รักษาการ กรมการปกครอง กรมสรรพากร สำนักงานตำรวจ ศาล สำนักงานอัยการ กรมควบคุมโรค กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานปลัดสำนักนายก สำนักงานประกันสังคม เป็นต้น
2.) หน่วยงานภาคเอกชนที่ต้องเปิดเผยเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับสวัสดิการและค่าตอบแทนพนักงาน เช่น โรงพยาบาลในเครือบริษัท สำหรับตรวจสุขภาพประจำปี สำนักงานบัญชีสำหรับคำนวณภาษีประจำปี บริษัทที่เกี่ยวข้องกับงานด้านเอกสารสำหรับการคำนวณเงินเดือน และค่าใช้จ่ายบริษัท
3.) พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร ประสานและดำเนินงานตามสัญญาว่าจ้าง เช่น ชื่อ เบอร์ติดต่อ ไลน์ อีเมล สำหรับการติดต่อประสานงาน
กรณีมีความจำเป็นต้องเผยข้อมูล นอกเหนือที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทจะต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการ ใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัททราบก่อน และต้องไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้ให้ไว้แก่บริษัท
3.4 กรณีที่ท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านใดเป็นผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถือเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การให้ความยินยอมของท่านต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำแทนท่านด้วย หากผู้จะให้ความยินยอมนั้นเป็นผู้เยาว์ที่ อายุไม่เกิน 10 ปี ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองนั้นโดยตรง
3.5 กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านใดเป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ต้องขอความยินยอมจากผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนบุคคลไร้ความสามารถหรือบุคคลเสมือนไร้ความสามารถนั้นแล้วแต่กรณี
4. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล
4.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
4.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
4.3 ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลอื่น ท่านรับรองว่าท่านมีอำนาจกระทำการแทนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการรับทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้และในการให้ความยินยอมแก่บริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การให้ข้อมูลบุคคลอ้างอิงจากที่ทำงานเก่า หรือสถานศึกษา
5. ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
5.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในระยะเวลา 1 ปี หลังจากสัญญาว่าจ้างได้สิ้นสุดลง เว้นแต่
1.) กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้นในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
2.) บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาความเหมาะสมของท่านในตำแหน่งนั้น เพื่อใช้ในการพิจารณาและติดต่อกับท่านในกรณีที่มีตำแหน่งงานอื่นที่บริษัทเห็นว่าอาจเหมาะสมกับท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสมัครเข้าเป็นพนักงาน หรือเข้าฝึกงาน และหากท่านไม่ต้องการให้บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพื่อประกอบการพิจารณาตำแหน่งงานอื่น ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
3.) กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอ
5.2 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
6. กฎหมาย ระเบียบและหลักเกณฑ์อ้างอิงในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอ้างอิงกฎหมายและระเบียบที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
วัตถุประสงค์ | กฎหมายระเบียบ หลักเกณฑ์อ้างอิง |
---|---|
เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาจ้างแรงงาน | เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินภารกิจเพื่อเป็นไปตามสัญญาระหว่างลูกจ้างและนายจ้างซึ่งกำหนดไว้ตามกฎหมาย เช่น
|
เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย | เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามที่กฎหมาย เช่น
|
เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย | เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลก่อนพิจารณาการเข้ารับการทำงาน เพื่อยืนยันและระบุตัวตนผู้เข้าสมัคร เป็นต้น |
เป็นการจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตราย | เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น เบอร์ติดต่อฉุกเฉินกรณี พนักงานมีอันตรายถึงแก่ชีวิต เป็นต้น |
เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา | เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือดำเนินการอันเป็นความจำเป็นต่อการเข้าทำสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัทเช่น การจ้างงาน จ้างทำของการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือสัญญาในรูปแบบอื่น |
เพื่อดำเนินกระบวนการ ประเมินผลการทำงาน | เพื่อให้บริษัท สามารถจัดทำหรือสนับสนุนการประเมินผลการทำงาน เพื่อพัฒนาให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานงานตามที่ระบุในสัญญา |
ความยินยอม | เพื่อการเก็บรวบรวม การใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล |
7. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
7.1 บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
7.2 ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
8. ระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
8.1 การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในหนังสือแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีการตั้งรหัสผ่านสำหรับก่อนการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลทุกครั้ง เพื่อรักษาความปลอดภัย และสัญญาปกปิดข้อมูลของพนักงาน
8.2 บริษัทได้มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคล หรือนิติบุคคลภายนอก ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ให้ไว้แก่บริษัท บนพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล พื้นที่จัดเก็บคลาวด์ และพื้นที่จัดเก็บ Email ที่มีมาตรฐานได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล มาตรการประเมินความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ รวมทั้ง ISO 27001, SOC 1, 2, และ 3, GDPR, หลักจรรยาบรรณ CSA, และ HIPAA/HITECH
9. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
9.1 ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สรุปดังนี้
1.) ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)
2.) ขอเข้าถึง หรือรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเองที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
3.) คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
4.) ขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
5.) ขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ (anonymization) ดังต่อไปนี้
- ข้อมูลของท่านไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน
- เมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมและบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
- เมื่อท่านใช้สิทธิคัดค้านตาม ข้อ (3) และบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ตามกฎหมาย
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ถูกเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
6.) ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ
- กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบ ทำลาย เนื่องจากหมดความจำเป็นในการเก็บรักษา แต่ท่านขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เมื่อบริษัทอยู่ระหว่างพิสูจน์คำขอคัดค้านของท่านตามข้อ (3) เพื่อดูว่าบริษัทมีอำนาจตามกฎหมายให้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านได้หรือไม่
7.) ร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
8.) การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล การใช้สิทธิละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
9.2 ท่านสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้โดย คลิกที่นี่ หรือ ไปที่ [https://www.unicronet.com/privacy-center-form]
10. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ บริษัทจะประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ผ่านทางเว็บไซต์นี้ ซึ่งท่านควรเข้ามาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นครั้งคราว หรืออาจส่งประกาศให้ท่านทราบโดยตรง โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ประกาศ
11. ช่องทางในการติดต่อด้านข้อมูลส่วนบุคคล
หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้งาน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ผ่านช่องทางดังนี้
11.1 Email : chayanis@icbdconsulting.com
11.2 สถานที่ติดต่อ : 179/25 ซอยนาวงประชาพัฒนา 15 ถนนนาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมืองกรุงเทพ 10210
11.3 โทร : 02-077-8171
ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2565 เวลา 18.00 น.