ในโลกของการทำธุรกิจยุคนี้ ผมว่ามันมีจุดหนึ่งที่เจ้าของกิจการหลายคนต้องเจอครับ คือจุดที่งานการตลาดมันเริ่มเยอะ และซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะดูแลเองไหว จนมาถึงทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่า จะจ้างเอเจนซี่มืออาชีพที่เขารับทำการตลาดจากข้างนอก หรือจะลงทุนสร้างทีมทำการตลาดออนไลน์ in house ของตัวเองดี
ซึ่งจากประสบการณ์ของผมนะครับ ผมบอกได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดแบบตายตัวหรอกครับ ว่าแบบไหนมันดีกว่ากัน หลายคนอาจจะรีบควักงบประมาณมาเป็นตัวตั้ง หรือมองแค่ว่างานมันยากง่ายแค่ไหน แต่ในมุมของผม ผมมองว่ามันมีอะไรให้เราคิดมากกว่านั้นเยอะครับ เพราะสุดท้ายแล้วทั้งสองทางเลือกนี้ต่างก็มีจุดแข็ง และข้อจำกัดที่แตกต่างกันชัดเจน
วันนี้ผมเลยตั้งใจจะมาแจกแจงให้เห็นภาพกันชัดๆ ไปเลยครับว่าทั้งเอเจนซี่โฆษณาที่เขารับทำการตลาด และทีมทำการตลาดออนไลน์ in house นั้นต่างกันยังไง แต่ก่อนที่เราจะไปลงลึกถึงขั้นเทียบกันจุดต่อจุดว่าใครดีกว่าใครคุ้มกว่า ผมว่าเราควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าครับ ว่าบทบาทจริงๆ ของทั้งสองฝ่ายนี้เขาทำอะไรกันแน่
บทบาทของเอเจนซี่
ถ้าให้ผมนิยามแบบเข้าใจง่ายที่สุด เอเจนซี่ก็คือบริษัทภายนอกที่รับทำการตลาดให้กับธุรกิจอื่นๆ นั่นแหละครับ โดยหน้าที่หลักๆ ของพวกเขาก็คือการเข้ามาช่วยดูแลเรื่องการทำการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะ ซึ่งสำหรับเอเจนซี่เองก็มีหลายแบบครับ มีทั้งที่ที่เน้นทำการตลาดออนไลน์โดยการยิงโฆษณาเพื่อให้วัดผลได้โดยตรง หรือบางที่ก็อาจจะเป็นเอเจนซี่โฆษณาที่เน้นการผลิตสื่อโฆษณาโดยเฉพาะครับ
ซึ่งปกติแล้วในเอเจนซี่โฆษณาที่หนึ่ง ก็จะรวมคนเก่งๆ หลายสายงานไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการวางแผนกลยุทธ์ ด้านการสื่อสารแบรนด์ หรือด้านการคิดแคมเปญเจ๋งๆ ออกมา ซึ่งเป้าหมายหลักของพวกเขาก็คือการช่วยให้ธุรกิจของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจให้เกิดขึ้นจริงครับ
| ความรู้การตลาดที่ Unicronet แนะนำ |
ถ้าคุณมีความสนใจ และอยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และความสำคัญของเอเจนซี่ให้มากขึ้น ก็สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้เลยครับ |
บทบาทของทีม In house
พูดแบบง่ายๆ เลยก็คือทีมทำการตลาดออนไลน์ของเราเองนี่แหละครับ หรือก็แทนที่เราจะจ้างเอเจนซี่โฆษณาที่รับทำการตลาดมาทำงานให้เรา ก็เปลี่ยนมาเป็นการจ้างพนักงานการตลาดมาเป็นพนักงานของบริษัทโดยตรงเลย ไม่ว่าจะเป็นคนทำคอนเทนต์ คนทำกราฟิก หรือแม้แต่ทีมที่ดูแลเรื่องการทำการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะ
ซึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือทีมนี้เขาจะไม่ได้รับทำการตลาดให้กับลูกค้ารายอื่น หรือทำตัวเป็นเอเจนซี่โฆษณาให้ใคร แต่จะโฟกัสที่แบรนด์ของเราแค่แบรนด์เดียวเท่านั้นครับ
เป็นยังไงบ้างครับพอเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมครับ ว่าระหว่างเอเจนซี่กับทีม in house เขามีบทบาทอะไรกันบ้าง ทีนี้ก็มาถึงคำถามสำคัญที่สุดแล้วล่ะครับ ว่าแล้วสำหรับธุรกิจของเราล่ะ ควรจะเลือกทางไหนดี ซึ่งขอบอกตามตรงเลยนะครับ ว่าจากประสบการณ์ของผม จุดนี้คือจุดที่ตัดสินใจยากที่สุดเลยครับ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันไม่มีคำตอบที่ตายตัวเลยครับ
วันนี้ผมเลยอยากจะมาแจกแจง 4 ประเด็นสำคัญที่ต้องชั่งน้ำหนักให้ฟังกันแบบเจาะลึกเลยครับ เพื่อช่วยให้คุณได้ข้อมูลไปตัดสินใจว่า ระหว่างการจ้างเอเจนซี่มาทำการตลาดให้เรา กับการปั้นทีมเองเนี่ย แบบไหนมันจะคุ้มค่ากว่ากัน
ประเด็นที่ 1 ว่าด้วยเรื่องของต้นทุน
มาเริ่มประเด็นแรกกันเลยครับ ผมว่านี่คือเรื่องที่คนทำธุรกิจส่วนใหญ่คิดถึงก่อนเพื่อนเลย นั่นก็คือเรื่องต้นทุนครับ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นจุดตั้งต้นที่สำคัญที่จะบอกว่าเรามีทางเลือกไหนบ้างให้เดินต่อครับ
หากเลือกจ้างเอเจนซี่
ในมุมของผมนะ ถ้าเราเลือกจ้างเอเจนซี่โฆษณาที่รับทำการตลาดให้เรา รูปแบบต้นทุนของมันจะเป็นต้นทุนแบบผันแปรครับ พูดง่ายๆ คือเราจะจ่ายเงินให้เขาตามสัญญาจ้าง ซึ่งอาจจะเป็นค่าบริการรายเดือน หรือจ่ายเป็นโปรเจกต์จบๆ กันไป ข้อดีที่ผมชอบมากๆ เลยก็คือ เราจะได้จ่ายเงินตามงานที่เราต้องการจริงๆ ครับ และในงบก้อนเดียวที่เราจ่ายไปเนี่ย เรามักจะได้ทีมผู้เชี่ยวชาญมาแบบครบทีมโดยที่เราไม่ต้องไปแบกรับภาระการเป็นพนักงานของเขาเลย
แต่แน่นอนว่ามันก็มีข้อควรคิดครับ เช่น ถ้าเรามีงานแก้เล็กๆ น้อยๆ ยิบย่อยบ่อยๆ บางทีอาจจะไม่สามารถทำได้ด้วยข้อตกลงที่เราคุยกันไว้ หรือถ้าเราไปจ้างเอเจนซี่โฆษณารายใหญ่ๆ ค่าบริการก็อาจจะแพงเอาเรื่องเหมือนกันครับ
หากเลือกสร้างทีม In house
ทีนี้ถ้าเราเลือกสร้างทีม in house ล่ะ แน่นอนว่าสิ่งที่เราต้องเจอก็จะเปลี่ยนจากต้นทุนผันแปรไปเป็นแบบคือต้นทุนคงที่ครับ หรือก็คือค่าใช้จ่ายที่เราต้องควักจ่ายแบบเป๊ะๆ ทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนพนักงาน โบนัส ประกันสังคม สวัสดิการต่างๆ หรือแม้แต่ค่าโปรแกรม ค่าเครื่องมือที่ทีมต้องใช้ครับ
ซึ่งข้อดีของมันที่ผมเห็นชัดๆ เลยก็คือเราสามารถคุมงบประมาณได้ง่ายมากครับ เพราะเราจะรู้ตัวเลขเป๊ะๆ เลยว่าในแต่ละเดือนเราต้องจ่ายเท่าไหร่ แต่ข้อเสียที่ต้องแลกมาก็คือต่อให้ช่วงนั้นมีงานที่ต้องทำน้อย เราก็ยังต้องจ่ายเงินเดือนเขาเต็มจำนวนอยู่ดีครับ และที่สำคัญคือถ้าเราอยากได้คนเก่งๆ หลายๆ ด้าน เช่น คนทำ SEO คนยิงแอด หรือคนทำคอนเทนต์ เพื่อมาทำการตลาดออนไลน์เอง การจ้างทุกคนมาเป็นพนักงานประจำเนี่ย ผมบอกเลยว่าต้นทุนมันแพงมหาศาลเลยล่ะครับ
ประเด็นที่ 2 คลังไอเดีย และความเก๋าเกม
ประเด็นต่อมาที่เราจะคุยกัน ถือว่ามันสำคัญไม่แพ้เรื่องเงินเลยครับ นั่นก็คือเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ และความเชี่ยวชาญที่เราจะได้จากแต่ละทีมครับ เพราะในโลกการตลาดยุคนี้ ต่อให้เรามีงบมากแค่ไหน แต่ถ้าความคิดมันตัน หรือไม่เข้าใจลูกค้าจริงๆ งานมันก็ยากที่จะสำเร็จครับ ซึ่งผมมองว่าแหล่งที่มาของไอเดียจากเอเจนซี่กับทีม in house เนี่ย มันมาจากคนละที่กันเลยครับ
หากเลือกจ้างเอเจนซี่
ในมุมของผมนะ จุดแข็งที่สุดของเอเจนซี่เลยก็คือเรื่องมุมมองจากคนนอกครับ ที่เห็นเทรนด์โลกกว้างกว่าเราเยอะเลยครับ ข้อดีชัดๆ เลยคือเมื่อพวกเขาทำงานให้ลูกค้าจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น วันนี้อาจจะคิดงานให้ธุรกิจแฟชั่น พรุ่งนี้ไปทำแคมเปญให้สายเทคโนโลยี มันทำให้เขามีไอเดียที่สดใหม่มาเสนอเราเสมอ พวกเอเจนซี่โฆษณาจึงสามารถท้าทายกรอบความคิดเดิมๆ ที่เราเคยทำได้ครับ
แต่ว่าข้อเสียก็มีเหมือนกันนะครับ จากประสบการณ์ที่ผมเคยเจอคือบางทีทีมของเอเจนซี่โฆษณาก็ไม่ได้มีความรู้ทางด้านสินค้า หรือบริการเท่ากับคนในของบริษัทหรอกครับ ทำให้บางครั้งไอเดียที่เสนอมาต่อให้มันดูดีมาก แต่พอลองจะเอามาทำจริงแล้ว กลับใช้ไม่ได้จริงกับวัฒนธรรมองค์กรก็มีเหมือนกันครับ
หากเลือกสร้างทีม In house
ทีนี้พอมาเป็นทีม in house สำหรับผมแล้ว ผมมองว่าไอเดียของพวกเขาจะมาจากความอิน และความรู้จากการอยู่กับสินค้าและบริการมาเป็นเวลานานล้วนๆ เลยครับ ข้อดีคือพวกเขาคือคนที่เข้าใจแบรนด์ลึกซึ้งที่สุดแล้วครับ เขารู้จริงว่าลูกค้าเราคือใคร เขาได้คุยกับเซลล์ ได้ยินปัญหาหน้างาน ที่ถือว่าเป็น Insight ของจริงเลยครับ
แต่ข้อเสียที่ผมก็เห็นบ่อยๆ เหมือนกัน ก็คือการติดกับดักความคิดเดิมๆ ครับ เพราะพอได้ทำการตลาดออนไลน์ด้วยวิธีเดิมๆ บ่อยๆ มันก็อาจจะขาดมุมมองจากโลกภายนอกไปหน่อย ทำให้บางทีก็ไม่สามารถคิดไอเดียใหม่ๆ ได้ครับ
| ความรู้การตลาดที่ Unicronet แนะนำ |
ถ้าคุณอยากจะทำความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักการคิดคอนเทนต์ หรืออยากรู้ว่าการเขียนคอนเทนต์ที่ดีคือยังไง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้เลยครับ 🔗 เปิดเทคนิคคิดคอนเทนต์ ให้ตอบโจทย์กลยุทธ์ Content Marketing แบบอยู่หมัด |
ประเด็นที่ 3 ความเร็วในการทำงาน
หลังจากที่เราชั่งน้ำหนักเรื่องงบประมาณกับเรื่องไอเดียกันไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือเรื่องความเร็วในการทำงาน และความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนแผนครับ เพราะในความคิดของผมนะ ผมคิดว่าต่อให้เรามีเงิน มีไอเดียที่ดี แต่ถ้าเราช้ากว่าคู่แข่งแม้แค่ก้าวเดียว ก็อาจจะเป็นฝ่ายแพ้ไปเลยก็ได้ครับ
หากเลือกจ้างเอเจนซี่
ถ้าเราพูดถึงฝั่งเอเจนซี่นะครับ จุดเด่นของพวกเขาคือความคล่องตัวในเรื่องของการรับมือกับสเกลงาน หรือโปรเจกต์ใหญ่ๆ ครับ หมายความว่าถ้าเรามีโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่ต้องใช้คนที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย หรืออยากทำแคมเปญ ทำการตลาดออนไลน์แบบจัดเต็ม เอเจนซี่พวกนี้เขาจะพร้อมมากสมมติเราอยากอัดงบเพิ่ม อยากลุยเข้าหากลุ่มเป้าหมายแบบหนักๆ เขาก็มีทีมงานที่พร้อมลุยโปรเจกต์ใหญ่ๆ อยู่แล้วโดยที่เราไม่ต้องฟอร์มทีมเองเลยครับ
แต่ข้อเสียที่ผมรู้มาบ้าง คือเรื่องการสื่อสารในงานเล็กๆ น้อยๆ ครับ เช่นเวลามีงานด่วน หรืออยากแก้คำผิดแค่ไม่กี่จุด มันอาจจะช้ากว่าที่เราคิดครับ เพราะโดยทั่วไปเราต้องคุยผ่านคนกลางตามขั้นตอนของเขาครับ
หากเลือกสร้างทีม In house
สำหรับทีม in house ผมมองว่าเป็นเหมือนขั้วตรงข้ามกับของทีมเอเจนซี่เลยล่ะครับ เพราะความคล่องตัวของพวกเขาจะมาในรูปแบบของความเร็วในการสื่อสารกันเองภายในองค์กรครับ ซึ่งข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเลยก็คือ เมื่อเราอยากแก้ตรงไหน ก็สามารถเดินไปคุยกันที่โต๊ะได้เลย หรือเมื่อเจอปัญหาหน้างานด่วนๆ ก็เรียกคุยกันได้ทันที แถมเขายังทำงานตามวัฒนธรรมองค์กรของเราได้เป๊ะๆ ด้วยครับ
แต่ข้อเสียที่ต้องยอมรับเลยก็คือเรื่องของการทำงานสเกลใหญ่ๆ นี่แหละครับ ถ้าอยู่ดีๆ เราอยากทำแคมเปญใหญ่ ทีมงานที่เราอาจจะรับมือไม่ไหวครับ เพราะการจะหาคนเก่งๆ มาช่วยทำงานเพิ่มในทันที มันทำไม่ได้ง่ายๆ เหมือนการจ้างเอเจนซี่โฆษณาครับ
ประเด็นที่ 4 ความเร็วในการทำงาน
มาถึงประเด็นสุดท้ายกันแล้วนะครับ เรื่องนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลึกซึ้ง และสำคัญมากๆ เหมือนกันครับ อาจจะเป็นจุดที่ทำให้ทุกคนตัดสินใจได้เลยล่ะครับว่าจะเลือกจ้างเอเจนซี่โฆษณาที่รับทำการตลาดให้เรา หรือสร้างทีม In house ของตัวเอง ซึ่งมันคือเรื่องของความทุ่มเท และการโฟกัสในงานที่เราจะได้รับจากทีมครับ
หากเลือกจ้างเอเจนซี่
เราต้องเข้าใจในวัฒนธรรมของเอเจนซี่ที่รับทำการตลาดก่อนนะครับ ว่าปกติแล้วพวกเขาต้องดูแลลูกค้าหลายรายพร้อมกันในเวลาเดียว ซึ่งมันก็อาจจะหมายความว่า เขาไม่ได้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดมาโฟกัสที่เราแค่แบรนด์เดียวครับ แต่ในทางกลับกัน ข้อดีของมันก็คือความเป็นมืออาชีพนี่แหละครับ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทเอเจนซี่หลายๆ ที่มีระบบการจัดการเวลาที่ดี มีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน และมีมาตรฐานของการทำงานสูง ทำให้เราคาดหวังกับผลงานที่ต้องรอได้ครับ
เพียงแต่ก็มีข้อควรคิดนะครับว่าความสัมพันธ์มันคือการทำงานตามสัญญาจ้าง ถ้าวันหนึ่งเราเลิกจ้างกันไป ความรู้หรือ Know-how ต่างๆ ที่เขาเรียนรู้จากการทำงานให้เรา มันก็ไปกับเขาด้วยครับ
หากเลือกสร้างทีม In house
คราวนี้มาดูฝั่งทีม in house กันบ้างครับ ผมว่าจุดนี้ถือเป็นจุดแข็งของทีม In house เลยล่ะครับ ซึ่งนั่นก็คือความทุ่มเทแบบ 100% ครับ เพราะทีมที่เราสร้างมาจะโฟกัสที่แบรนด์เราแค่แบรนด์เดียว ไม่มีวันแบ่งใจไปให้คู่แข่งแน่นอน และที่สำคัญคือข้อมูล Data หรือ Know-how ต่างๆ ที่ได้จากการทำการตลาดออนไลน์มันก็ยังอยู่กับบริษัทเราตลอดไปครับ
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความเสี่ยงที่ผมว่าน่ากลัวไม่แพ้กันครับ ข้อเสียใหญ่ของทีม in house ก็คือความรู้ทั้งหมดมันมักจะไปผูกอยู่กับตัวคนครับ ถ้าวันดีคืนดีพนักงานเก่งๆ ของเราลาออกไปเนี่ย Know-how ที่เขาสะสมมาทั้งหมด มันก็อาจจะหายไปกับเขาเลยครับ นอกจากจะเสียข้อมูล หรือความรู้ที่ดีไปแล้ว ยังอาจจะต้องเสียเวลาในการสอนงานคนใหม่อีกด้วยครับ
บทสรุป
มาถึงตรงนี้แล้ว ผมว่าหลายๆ คนก็คงจะพอเห็นภาพชัดเจนขึ้นนะครับว่าสุดท้ายแล้ว มันก็ไม่มีคำตอบตายตัวจริงๆ ครับ ว่าระหว่างเอเจนซี่กับทีม in house ใครมันดีกว่ากัน แต่มันมีแต่คำว่า ใครเหมาะกับโจทย์ของธุรกิจคุณในตอนนี้มากกว่ากันต่างหากครับ
ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ ถ้าสิ่งที่คุณต้องการคือทีมที่เข้าใจแบรนด์แบบลึกซึ้งมากๆ อยากควบคุมทุกอย่างได้ใกล้ชิด และมีแคามเปญในการทำการตลาดออนไลน์ ให้เขาทำต่อเนื่องทุกวัน การค่อยๆ ปั้นทีม in house ขึ้นมาก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าครับ
แต่ในทางกลับกันถ้าโจทย์ของคุณคือต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากๆ ที่เราอาจจะไม่ได้ใช้บ่อย หรือต้องการลุยโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่ต้องใช้คนเยอะๆ ในเวลาสั้นๆ การเลือกใช้เอเจนซี่โฆษณาที่เขารับทำการตลาดด้านนั้นโดยตรง ก็อาจจะคุ้มค่าและจบงานได้เร็วกว่าครับ
สุดท้ายนี้ ผมคงให้คำตอบแทนคุณไม่ได้หรอกครับว่าต้องเลือกทางไหน ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือคุณต้องลองกลับไปชั่งน้ำหนักดูครับ ว่าตอนนี้ธุรกิจของคุณกำลังต้องการอะไรมากที่สุด แล้วคำตอบมันก็จะชัดเจนขึ้นมาเองครับ
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมรับทำการตลาด เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน
ติดต่อรับคำปรึกษาฟรี !!!
Tel : 094-616-3651
Line OA : @unicronet
#Unicronet #PerformanceMarketing #digital agency #เอเจนซี่โฆษณา #Marketing agency #ทำการตลาดออนไลน์ #Content marketing
ผู้เขียนบทความ
ชญานิศ จิตรีปลื้ม (นิก)
Founder of Unicronet Agency และ Right Lane Academy ที่ปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลที่เชื่อว่าทุกกลยุทธ์ต้องวัดผลได้จริง ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในการทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำ มีความเชี่ยวชาญในการใช้ AI และ Martech เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ชัดเจน และจับต้องได้
(Digital Marketing Strategy ) ประสบการณ์วางแผนกลยุทธ์ทางด้าน Digital Marketing โดยเฉพาะ Online Platform ยอดนิยม เช่น Facebook ads , Google ads , SEO , Tiktok , Line , Youtube , Marketplace Ads มากกว่า 500+ Campaign
(Digital Media Tools ) ประสบการณ์ด้าน Consult เทคนิคเชิงลึกสำหรับ Digital Media Tools เพื่อให้ทุกงบการลงทุนโฆษณาคุ้มค่ามากที่สุด อาทิเช่น การเพิ่ม Conversion ให้ธุรกิจ , เทคนิค ทำอย่างไรให้ CPA ราคาถูกลง , มีคนทักเยอะ ไม่มีคุณภาพ ปิดการขายไม่ได้ , สินค้าเสี่ยง Policy พร้อมเทคนิคการยิงแอดยังไงให้ไม่โดน Reject




