ถ้าต้องหานิยามสั้นๆ ให้กับปี 2025 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ผมคิดว่าคำว่าปีปราบเซียนของเหล่าเอเจนซี่น่าจะเป็นคำที่เหมาะที่สุดเลยล่ะครับ เพราะถ้ามองย้อนกลับไป 12 เดือนที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีที่มีเรื่องราวหนักๆ เยอะมากจริงๆ ครับ ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่บีบหัวใจ ค่าครองชีพที่พุ่งสูงสวนทางรายรับ แถมยังมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างเรื่องแผ่นดินไหว น้ำท่วม สภาพอากาศที่ไม่ค่อยดีทั้งปี และความกังวลเรื่อง AI ที่เข้ามาผสมโรงอีก
แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ผมกลับมองเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจซ่อนอยู่ครับ เพราะผมเชื่อว่าปี 2026 ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะไม่ใช่ปีแห่งความสิ้นหวัง แต่จะเป็นปีแห่งการปรับตัว และเติบโตไปอีกขั้นของวงการเอเจนซี่โฆษณา และทีมรับทำการตลาดเลยล่ะครับ
วันนี้ผมเลยอยากหยิบเอาข้อมูลในการทำการตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เตรียมตัวรับมือกับกระแสลมที่กำลังเปลี่ยนทิศครับ
เอเจนซี่ต้องรู้ “ความสบายใจ” เป็นสินค้าใหม่ที่คนยอมจ่าย
เพราะถ้าเราสังเกตกันดูดีๆ จะเห็นได้ชัดเลยว่า ในขณะที่เราบ่นกันว่าเศรษฐกิจไม่ดี เงินฝืดแต่ร้านหมูกระทะ ร้านอาหารดีๆ หรือคาเฟ่สวยๆ กลับยังมีลูกค้าต่อคิวกันยาวเหยียดอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเหตุผลของเรื่องนี้มันสะท้อนอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่าแค่เรื่องกินเรื่องเที่ยวครับ
โดยเรื่องพวกนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนไทยติดกินติดเที่ยวกันหรอกนะครับ แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงทางออก ของคนในยุคนี้มากกว่า เพราะในวันที่ความเครียดรุมเร้าจากทุกทิศทาง หลายๆ คนจึงเลือกที่จะระบายความเครียดไปกับการซื้อความสุขรายวัน เพื่อชุบชูใจที่เหนื่อยล้าแทนมากกว่านั่นเอง
ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีการยืนยันชัดเจนจากงาน SME Thailand Future Day 2026 ที่ผมได้มีโอกาสไปนั่งฟังมาครับ โดยใน Session ของคุณอรุณโรจน์ เหล่าเจริญวงศ์ ได้เปิดเผยข้อมูลชุดหนึ่งที่ทำให้ผมเห็นภาพชัดเลยครับว่า พฤติกรรมการใช้เงินของคนไทยเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ซึ่งข้อมูลนั้นระบุว่าในช่วงปี 2023 – 2025 สินค้าในหมวดเทคโนโลยีที่เคยเป็นของที่คนชอบใช้กันมาตลอด อย่างโทรศัพท์มือถือ กลับมียอดเติบโตลดลง -2% และเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง -1% แต่ในทางกลับกัน สินค้าที่เติมเต็มความสุขรายวันอย่าง เครื่องดื่ม กลับโตพุ่งถึง +9% ตามมาด้วย อาหาร และของใช้ในบ้าน ที่กอดคอกันโตขึ้น +7% เท่ากันเป๊ะเลยครับ
ซึ่งจากตัวเลขเหล่านี้ มันแสดงให้เห็นเลยครับว่าผู้บริโภคไม่ได้เลิกใช้เงินกับทุกเรื่องนะครับ เพียงแต่เขาเปลี่ยนการใช้เงินมาเป็นการจ่ายเพื่อฮีลใจตัวเองมากขึ้นมากกว่า และนี่แหละครับ ที่จะเป็นโจทย์ใหม่ที่ท้าทายสำหรับเอเจนซี่โฆษณา และคนที่รับทำการตลาดในปีหน้า เพราะสินค้าคุณภาพดี ฟังก์ชันครบ มันกลายเป็นแค่มาตรฐานขั้นต่ำไปแล้ว แต่สิ่งที่ลูกค้ามองหาจริงๆ คือความสบายใจ และความชอบต่างหากครับ และเมื่อเราลองเจาะลึกลงไปในรายละเอียด ก็จะพบว่าความต้องการเหล่านี้ถูกสะท้อนออกมาผ่าน 4 กลุ่มผู้บริโภคหลัก ที่กำลังจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญของตลาดปี 2026 เลยล่ะครับ แล้วจะมีกลุ่มผู้บริโภคแบบไหนบ้าง มาดูกันเลย
เปิดลิสต์ 4 กลุ่มลูกค้าพลังซื้อสูงที่แบรนด์ห้ามมองข้าม
1.กลุ่มนักช้อปฉลาดเลือก จ่ายแพงได้ แต่ต้องคุ้มค่าที่สุด
มาเริ่มกันที่กลุ่มแรกที่เป็นฐานประชากรส่วนใหญ่ของประเทศกันก่อนดีกว่าครับ โดยสิ่งที่ทำให้คนกลุ่มนี้น่าจับตามองมากๆ คือพฤติกรรมการใช้จ่าย ที่แม้มองว่าราคายังคงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อก็จริง แต่พวกเขากลับมองว่าของที่ราคาถูกที่สุด อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไปแล้วครับ
เพราะจากข้อมูลระบุว่ามีคนไทยกว่า 40% ยอมที่จะขยับงบจ่ายเพิ่มขึ้นได้ ถ้าเขามั่นใจว่าของชิ้นนั้นมันดีกว่า หรือคุ้มค่ากว่ามาตรฐานทั่วไปจริงๆ ตัวอย่างเช่น การยอมจ่ายเพิ่มเพื่อน้ำยาล้างจานสูตรถนอมมือที่ไม่กัดผิว หรือการเลือกซื้อกระดาษทิชชูเกรดพรีเมียมที่หนานุ่มกว่าเพื่อสุขอนามัยที่ดี ตรงนี้แหละที่เป็นโอกาสให้คนรับทำการตลาดต้องรีบหยิบมาปรับกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ให้ทัน
เพราะคนกลุ่มนี้เขาภาคภูมิใจในการใช้จ่ายอย่างฉลาดมาเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นโจทย์ใหญ่ของแบรนด์ หรือเอเจนซี่โฆษณา จึงเป็นการเปลี่ยนจากการแข่งกันตัดราคา มาเป็นการแข่งกันที่ความคุ้มค่า โดยต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นด้วยข้อมูลเปรียบเทียบแบบชัดๆ เลยว่า เมื่อเขาจ่ายเพิ่มขึ้น เขาจะได้อะไรกลับไปที่ เป็นสิ่งที่ดีกว่า หรือเหนือกว่าสินค้าอื่นๆ แบบเดียวกันครับ
2. กลุ่มคนโสดรักอิสระ เน้นอะไรง่ายๆ ไม่วุ่นวาย
ต่อมาคือกลุ่มคนโสดที่ถือว่ามีสัดส่วนมากถึง 1 ใน 4 ของประชากรไทย และมีแววว่าเทรนด์การอยู่คนเดียวจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วด้วยครับ ดังนั้นพฤติกรรมที่น่าจับตามองของคนกลุ่มนี้คือ โดยพื้นฐานพวกเขาจะรักอิสระขั้นสุด ชอบกินข้าวคนเดียว เที่ยวคนเดียวครับ เพราะรู้สึกว่ามันจัดการชีวิตง่ายกว่า ไม่ต้องรอใคร
ซึ่งก็จะส่งผลมาถึงการเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ด้วยเช่นกัน เช่น การเลือกซื้อเครื่องปรุงอาหารไซส์มินิสำหรับทำกินคนเดียว หรือการมองหาคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา มากกว่าการมองหาคอนโดสำหรับครอบครัว ซึ่งเทรนด์เหล่านี้นี่แหละ ที่เป็นสัญญาณบอกให้เอเจนซี่โฆษณา ที่ทำการตลาดออนไลน์ ต้องเริ่มปรับคอนเทนต์ให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์แบบนี้มากขึ้น ด้วยการตีโจทย์คำว่าอิสระให้แตกครับ
นั่นหมายถึงว่าสินค้าหรือบริการของคุณจะต้องดูมีความ Friendly กับการใช้คนเดียว มีวิธีใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน และต้องทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในการใช้บริการคนเดียวมากที่สุดครับ เช่น ร้านอาหารที่มีโซนที่นั่งเดี่ยวแบบส่วนตัว หรือทัวร์ที่เที่ยวคนเดียวก็ไม่เหงา ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็พอมีบริการพวกนี้ให้เห็นกันบ้างแล้วในปีนี้ครับ เพียงแต่ว่าทีมรับทำการตลาด อาจจะต้องหยิบมาโปรโมตให้มากกว่านี้
3. กลุ่มผู้ใหญ่หัวใจเด็ก ใช้การเล่นบำบัดความเครียด
กลุ่มที่สามนี่ สารภาพเลยว่าตอนผมฟังบรรยาย ก็แอบเห็นภาพภาพตัวเอง และเพื่อนๆ อยู่เหมือนกันครับ เพราะประชากรส่วนมากของกลุ่มนี้ ก็หนีไม่พ้นกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่ทำงานหนักเครียดๆ แล้วต้องหาทางระบายอารมณ์นั่นแหละครับ แน่นอนว่าคนที่ทำงานในวงการเอเจนซี่โฆษณา อย่างเราๆ ก็น่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มนี้เหมือนกันครับ
เพราะด้วยค่านิยมของสมัยนี้ หลายๆ คนต่างมองว่าความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้วัดกันที่ความเคร่งขรึม เงียบสงบ และภูมิฐานอีกต่อไปแล้วครับ แต่มันคือการที่เราโตพอที่จะสามารถสานฝันในวัยเด็ก หรือความสุขเล็กๆ แบบเด็กๆ ได้ด้วยตัวเองแล้วต่างหาก ทำให้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจึงเห็นปรากฏการณ์ที่คนวัยทำงานแห่กันไปซื้อกล่องสุ่มอาร์ตทอย หรือสะสมของเล่นกันเป็นว่าเล่นนั่นแหละครับ
ซึ่งในแง่ของการวางแผนทำการตลาดออนไลน์ ผมขอบอกเลยว่านี่คือโอกาสทองครับ เพราะแบรนด์ต่างๆ จะสามารถเล่นกับความทรงจำวัยเด็ก หรือสร้างเรื่องราวความสนุกสนานผ่านสินค้าของแบรนด์เพื่อช่วยให้เขารู้สึกว่า สินค้า และบริการของเรา สร้างความสุข และบำบัดจิตใจให้พวกเขาได้ เพราะสิ่งที่คนกลุ่มนี้ต้องการที่สุด คือพื้นที่ปลอดภัยทางความรู้สึกนั่นเอง
4.กลุ่มรุ่นใหญ่วัยเก่า ที่พร้อมจ่ายเพื่อประสบการณ์ที่ดี
กลุ่มสุดท้ายผมขอเรียกว่ากลุ่มรุ่นใหญ่ Gen X และ Baby Boomer ครับ เป็นกลุ่มที่แม้แต่เอเจนซี่โฆษณา หรือทีมรับทำการตลาดบางแห่งอาจมองข้ามไปบ้าง แต่ขอบอกเลยว่าจริงๆ แล้วนี่คือกลุ่มที่กระเป๋าหนัก และพร้อมจ่ายได้มากที่สุดเลยล่ะครับ
เพราะจากสถิติแล้ว ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นวัยที่มีความสุขในชีวิตสูงมาก รวมถึงมีทั้งเวลา และกำลังทรัพย์ ที่พร้อมจะเปย์เพื่อการพักผ่อน และการท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม ตัวอย่างเช่น การจองทริปเรือสำราญเพื่อพักผ่อนยาวๆ หรือการเข้าคอร์สดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อยืดอายุขัย ซึ่งถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญที่ทีมรับทำการตลาดสายสุขภาพ และท่องเที่ยวต้องจับตามอง และวางแผนทำการตลาดออนไลน์ให้ดีเป็นพิเศษเลยครับ
ดังนั้นการทำการตลาดออนไลน์กับกลุ่มนี้ ผมมองว่ามันต้องต้องเปลี่ยนจากการขายของว่าสินค้า หรือบริการของเราคืออะไร เป็นการเล่าประสบการณ์ที่เขาจะได้รับ จากสินค้า หรือบริการแทนครับ รวมถึงการเข้าหาด้วยการทำคอนเทนต์เชิงอารมณ์ ให้เขารู้สึกว่า ชีวิตเขาจะมีคุณค่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ หรือได้ประโยชน์ต่อร่างกายตัวเองได้ ซึ่งถ้าแบรนด์จับจุดนี้ได้ก็อาจได้ Brand Loyalty เพิ่มขึ้นด้วยครับ
| ความรู้การตลาดที่ Unicronet แนะนำ |
ถ้าอยากรู้ว่าการมี Brand Loyalty ดีต่อแบรนด์ยังไง ทำไมหลายๆ เจ้าถึงพยายามปั้นให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์ขนาดนั้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้เลยครับ 🔗 รู้จัก! Brand Loyalty ทำไมความภักดีต่อแบรนด์ถึงสำคัญในยุคดิจิทัล |
บทสรุป
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะพอเห็นภาพรวมเหมือนกับผมนะครับว่า ในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เกมการแข่งขันของโลกธุรกิจมันได้เปลี่ยนรูปแบบไปยังไงบ้าง ซึ่งหัวใจสำคัญนั้น อาจจะไม่ใช่แค่การแข่งกันผลิตสินค้าดีๆ ออกมาวางขาย แล้วให้เอเจนซี่โฆษณา หรือทีมรับทำการตลาด ช่วยวางแผนทำการตลาดออนไลน์แบบขายสรรพคุณสินค้าตรงๆ เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการแข่งกันสร้างความหมายบางอย่าง ให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของลูกค้าให้ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ได้ฉลาดเลือก ความรู้สึกมีอิสระ ความสบายใจ หรือแม้กระทั่งความภาคภูมิใจในการใช้สินค้า หรือบริการนั้นๆ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะฝากทิ้งท้ายไว้สักนิดว่าในตอนนี้โลกของธุรกิจหมุนเร็วมากเสียจนน่าตกใจจริงๆ ครับ เทรนด์การตลาดแทบจะเปลี่ยนปีต่อปีเลย ดังนั้นสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่เราเคยใช้ อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนเก่าอีกต่อไปแล้วก็ได้ครับ ดังนั้นการลองเปิดใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการรับทำการตลาด หรือลองมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นเอเจนซี่โฆษณาที่มีความมืออาชีพ เข้ามาช่วยวิเคราะห์ และวางกลยุทธ์ใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นทางลัดสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณปรับตัวได้ และไม่หลุดออกจากสนามแข่งแห่งนี้ก็ได้นะครับ
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมรับทำการตลาด เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน
ติดต่อรับคำปรึกษาฟรี !!!
Tel : 094-616-3651
Line OA : @unicronet
#Unicronet #PerformanceMarketing #digital agency #เอเจนซี่โฆษณา #Marketing agency #ทำการตลาดออนไลน์ #Content marketing
ผู้เขียนบทความ
ชญานิศ จิตรีปลื้ม (นิก)
Founder of Unicronet Agency และ Right Lane Academy ที่ปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลที่เชื่อว่าทุกกลยุทธ์ต้องวัดผลได้จริง ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในการทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำ มีความเชี่ยวชาญในการใช้ AI และ Martech เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ชัดเจน และจับต้องได้
(Digital Marketing Strategy ) ประสบการณ์วางแผนกลยุทธ์ทางด้าน Digital Marketing โดยเฉพาะ Online Platform ยอดนิยม เช่น Facebook ads , Google ads , SEO , Tiktok , Line , Youtube , Marketplace Ads มากกว่า 500+ Campaign
(Digital Media Tools ) ประสบการณ์ด้าน Consult เทคนิคเชิงลึกสำหรับ Digital Media Tools เพื่อให้ทุกงบการลงทุนโฆษณาคุ้มค่ามากที่สุด อาทิเช่น การเพิ่ม Conversion ให้ธุรกิจ , เทคนิค ทำอย่างไรให้ CPA ราคาถูกลง , มีคนทักเยอะ ไม่มีคุณภาพ ปิดการขายไม่ได้ , สินค้าเสี่ยง Policy พร้อมเทคนิคการยิงแอดยังไงให้ไม่โดน Reject




