รับทำการตลาด

ถอดสูตรลับเอเจนซี่ ปั้นแคมเปญ Seasonal Marketing ยังไงให้คนมุง

Table of Contents

    ช่วงเทศกาลสำคัญ ถือเป็นโอกาสทางการตลาดที่เอเจนซี่และหลายๆ แบรนด์ต่างทุ่มกำลังกันสุดตัวเพื่อสร้างแคมเปญ และทำการตลาดออนไลน์ที่น่าจดจำไม่ว่าจะเป็นช่วงปีใหม่, วาเลนไทน์, หรือสงกรานต์ แต่เคยสงสัยไหมว่าท่ามกลางแคมเปญมากมายที่ออกมาพร้อมๆ กันพวกนี้ ทำไมมีแค่ไม่กี่แบรนด์ที่กลายเป็นกระแส ในขณะที่แคมเปญส่วนใหญ่กลับเงียบหายไป

    จริงๆ แล้วความลับเบื้องหลังความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ที่งบประมาณเสมอไป แต่อยู่ที่กลยุทธ์ทำการตลาดออนไลน์ Seasonal Marketing ของเอเจนซี่โฆษณา หรือทีมรับทำการตลาดใช้ในการออกแบบแคมเปญให้ออกมาได้รับความสนใจมากกว่าแค่การขาย เพื่อให้คนจดจำแบรนด์ไปได้อีกนาน

    บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับมุมมองในการทำการตลาดออนไลน์แบบ Seasonal Marketing จากเอเจนซี่ เพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนเทศกาลธรรมดาให้กลายเป็นโอกาสทองของแบรนด์กัน

5 มุมมองการตลาดแบบเอเจนซี่ที่แบรนด์ควรรู้

1.เทศกาลคือโอกาส แต่ Insight คือตัวแปร

    เพราะถึงแม้ว่าแบรนด์ไหนๆ ก็สามารถทำการตลาดตามเทศกาลได้ แต่หัวใจที่ทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จกลับไม่ใช่แค่การออกโปรโมชัน เพราะสิ่งที่เอเจนซี่โฆษณาหรือทีมรับทำการตลาด ให้ความสำคัญเป็นอย่างแรกคือการเริ่มต้นด้วยการเจาะลึก consumer insight ก่อนเสมอ เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่าผู้คนคาดหวังอะไรจากเทศกาลนั้นๆ เพราะผู้บริโภคมักจะจดจำแบรนด์จากความรู้สึกที่ได้รับมากกว่าโปรโมชันหรือส่วนลด

    นั่นหมายความว่า คนไม่ได้จำแค่โปรโมชั่น แต่จำโมเมนต์ที่แบรนด์ทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษในช่วงเทศกาลนั้นๆ ต่างหาก เอเจนซี่โฆษณาจึงมักเน้นการสร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ผ่านการทำการตลาดออนไลน์ เช่น การสร้างความรู้สึกอบอุ่นในช่วงคริสต์มาส หรือความสนุกสนานในช่วงสงกรานต์ โดยเชื่อมโยงกับคุณค่าของแบรนด์ และความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเวลานั้น

ตัวอย่างเช่น
    แทนที่จะทำแคมเปญวาเลนไทน์แบบเดิมๆ ที่เน้นแต่คู่รัก เอเจนซี่โฆษณา อาจเจาะ insight ว่าคนโสดก็อยากฉลอง และรักตัวเองเหมือนกัน จึงสร้างแคมเปญชวนคนโสดมาแชร์วิธีให้รางวัลตัวเองในวันแห่งความรัก เพื่อชิงส่วนลดพิเศษสำหรับซื้อของขวัญให้ตัวเอง เป็นการสร้างโมเมนต์ที่เชื่อมโยงกับคนอีกกลุ่มใหญ่ได้

    หรือในการทำการตลาดออนไลน์ช่วงสงกรานต์ แทนที่จะพูดถึงการเล่นน้ำเพียงอย่างเดียว อาจใช้ insight เรื่องการเดินทางกลับบ้านของคนที่ทำงานในเมือง มาสร้างเป็นไวรัลวิดีโอซึ้งๆ เกี่ยวกับของฝากที่ลูกซื้อกลับไปให้พ่อแม่ เพื่อเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับความรู้สึกอบอุ่นของครอบครัว ซึ่งเป็นอารมณ์ร่วมที่แข็งแกร่งกว่าการให้ส่วนลดทั่วไป

2.สร้าง Branding ก่อน แล้วขายทีหลัง

    หลายคนมักเข้าใจผิดว่า Seasonal Marketing เป็นแค่การอัดโปรโมชันลดแลกแจกแถมเพื่อปั๊มยอดขายในช่วงสั้นๆ แต่ในมุมมองของเอเจนซี่ และทีมรับทำการตลาด กลับมองว่าเทศกาลพวกนี้คือจังหวะทองในการสร้างตัวตนและความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาวมากกว่า และแบรนด์ที่สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้บริโภคได้สำเร็จ มีโอกาสสร้างแฟนตัวยงของแบรนด์ หรือ Brand Loyalty ได้มากกว่าแบรนด์ที่เอาแต่พูดเรื่องคุณสมบัติสินค้าถึง 3 เท่า

    นี่จึงเป็นเหตุผลที่เอเจนซี่โฆษณามักแนะนำให้แบรนด์ใช้ช่วงเทศกาลเล่าเรื่องราวที่สะท้อนคุณค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าแค่การซื้อขาย เช่นแคมเปญที่พูดเรื่องการแบ่งปัน, การช่วยเหลือสังคม, หรือการสร้างประสบการณ์ดีๆ ร่วมกัน

    และเมื่อแบรนด์สามารถเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้ ต่อให้เทศกาลจะจบไปแล้ว คนก็ยังนึกถึง และเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นต่อไป หมือนเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่ากว่าการเน้นกระตุ้นยอดขายในระยะสั้นเพียงอย่างเดียว

ตัวอย่างเช่น
    ในช่วงปีใหม่ แทนที่จะเน้นแค่ส่วนลด เอเจนซี่โฆษณาอาจออกแบบแคมเปญ ช่วยกันมอบของขวัญปีใหม่โดยแบรนด์จะบริจาคเงิน 5% จากทุกยอดขายเพื่อสนับสนุนมูลนิธิที่ช่วยเหลือสังคม เป็นการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ใส่ใจสังคมและสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปพร้อมกัน

    หรือจะเป็นการที่ทีมรับทำการตลาดสร้างแคมเปญเรื่องเล่าถึงแม่ ชวนคนมาโพสต์รูปคู่พร้อมเล่าเรื่องราวความประทับใจในช่วงวันแม่ โดยไม่ได้เน้นขายของตรงๆ แต่เน้นสร้างพื้นที่ให้ผู้คนได้แสดงความรัก และแบ่งปันมีประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งทำให้แบรนด์ถูกจดจำในฐานะผู้สร้างช่วงเวลาดีๆ มากขึ้น

3.ความสดใหม่คืออาวุธลับที่ต้องมี

    เพราะถึงเทศกาลจะวนกลับมาทุกปี แต่ไม่ได้หมายความว่าวิธีการนำเสนอแคมเปญแบบเดิมจะใช้ได้ผลทุกปี ในทางกลับกันความสดใหม่ และแตกต่างต่างหากที่ทำให้แคมเปญได้ผลมากขึ้น เพราะในโลกการทำการตลาดออนไลน์รู้กันดีว่า การนำเสนอไอเดียเดิมๆ จะทำให้แคมเปญกลายเป็นแค่คอนเทนต์ที่คนเลื่อนผ่านไปเฉยๆ

    หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสดใหม่ที่เอเจนซี่ และทีมรับทำการตลาดใช้ก็คือการเกาะกระแสที่กำลังมาแรงแบบ real-time นั่นเอง ลองนึกภาพการหยิบเอามุกตลก meme ดังๆ หรือ pop culture ที่คนกำลังพูดถึง มาสร้างเป็นคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอสั้นบน TikTok หรือ Instagram Reels ดูสิ นอกจากจะน่าสนใจแล้ว ยังมีข้อมูลยืนยันด้วยว่าคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับเทรนด์ปัจจุบันมีโอกาสถูกแชร์มากกว่าปกติถึง 31% และถ้าหากกระตุ้นให้เกิด User-generated content ได้ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งเพิ่มการมีส่วนร่วมได้มากถึง 28% เลยทีเดียว

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เอเจนซี่โฆษณา มักจะติดตามเทรนด์อย่างใกล้ชิด และปรับเปลี่ยนแผนการตลาดให้สอดคล้องกับกระแสที่เกิดขึ้นแบบ real-time อยู่เสมอ

ตัวอย่างเช่น
    ในช่วงฮาโลวีนเอเจนซี่โฆษณาอาจเกาะกระแสไวรัล Challenge ที่กำลังฮิตใน TikTok มาทำการตลาดออนไลน์เป็นแคมเปญชวนให้คนทำคลิปวิดีโอแปลงโฉมลุคผีแบบสร้างสรรค์โดยใช้เพลงที่กำลังเป็นกระแส พร้อมติดแฮชแท็กเพื่อลุ้นรับรางวัลจากแบรนด์ เป็นการสร้าง UGC และการมีส่วนร่วมที่สดใหม่กว่าการโพสต์โปรโมชั่นธรรมดา

    หรือสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ช่วงสงกรานต์ เอเจนซี่โฆษณาอาจนำ Meme format ที่กำลังเป็นไวรัลในขณะนั้น มาสร้างเป็นภาพล้อเลียนสถานการณ์ที่คนมักเจอในวันสงกรานต์ เช่น สิ่งที่คิด vs สิ่งที่เจอตอนเล่นน้ำ แล้วสอดแทรกสินค้าหรือแบรนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมุกตลกนั้นๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่เรียกเสียงหัวเราะ และกระตุ้นให้เกิดการแชร์มากขึ้น

4.Interaction หน้าร้านคือจุดเปลี่ยนเกม

    ภาพจำของ Seasonal Marketing ในยุคนี้มักผูกติดอยู่กับการทำการตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลเป็นหลัก แต่ความจริงแล้วประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจริงๆ ที่หน้าร้านต่างหากที่เป็นหมัดเด็ดในการปิดการขาย และสร้างความประทับใจที่ลืมไม่ลง เพราะกว่า 73% ของผู้บริโภคยอมรับว่าให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ดีมากกว่าเรื่องราคาหรือคุณภาพสินค้า และอีก 65% ก็เห็นตรงกันว่าประสบการณ์ดีๆ กับแบรนด์มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากกว่าโฆษณาอีก

    ดังนั้นแค่คำพูดหรือท่าทีของพนักงานก็ตัดสินได้เลยว่าลูกค้าจะมาแค่ครั้งเดียว หรืออยากกลับมาเป็นลูกค้าประจำ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ลูกค้ามีความคาดหวังสูงเป็นพิเศษ จึงเป็นเหตุผลที่เอเจนซี่ และทีมรับทำการตลาดมักเน้นให้แบรนด์ฝึกอบรมพนักงานจนสามารถสร้างบรรยากาศของเทศกาลได้อย่างเป็นธรรมชาติ อธิบายโปรโมชั่นได้ชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากับสิ่งที่แบรนด์นำเสนอได้อย่างพอเหมาะพอดี

    และเมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้ารู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับมันตรงใจหรือดีกว่าที่คาดไว้ พวกเขาจะไม่ใช่แค่ซื้อสินค้าตามเทศกาลเท่านั้น แต่มีโอกาสสูงที่จะซื้อสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย ซึ่งมีข้อมูลยืนยันว่า ลูกค้าที่มีความสุขกับแบรนด์มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 140%

    จะเห็นได้ว่าการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าไม่ใช่แค่การให้ข้อมูลทั่วไปๆ การสร้างความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการชวนคุย การตอบคำถาม การเสนอทางออกที่ใช่สำหรับลูกค้า หรือการดูแลเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้จะทำให้การซื้อครั้งนี้ไม่ได้จบแค่การซื้อขายรอบเดียว แต่จะถูกต่อยอดเป็นความประทับใจที่นำไปสู่การซื้อซ้ำ และการบอกต่อได้ด้วย

ตัวอย่างเช่น
    เอเจนซี่โฆษณาอาจแนะนำให้ร้านค้าจัดมุม เขียนการ์ดอวยพรปีใหม่เล็กๆ ในร้านช่วงก่อนปีใหม่โดยพนักงานที่ได้รับการอบรมมาจะคอยเชิญชวนให้ลูกค้าที่ซื้อของแล้วมาเขียนการ์ดฟรี พร้อมมีบริการห่อของขวัญให้ฟรี เป็นการสร้างประสบการณ์พิเศษที่น่าจดจำ และทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์มากกว่าแค่การมาซื้อของ

    หรือจะเป็นไอเดียรับทำการตลาดให้กับแบรนด์เสื้อผ้าด้วยการอบรมพนักงานให้เป็นที่ปรึกษาด้านการแต่งตัว ในช่วงเทศกาล เช่น เมื่อลูกค้าเข้ามาหาชุดไปคอนเสิร์ต พนักงานจะไม่ได้แค่ขายของ แต่จะช่วยแนะนำการมิกซ์แอนด์แมตช์ที่เหมาะกับบุคลิกของลูกค้าแต่ละคน เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

5.สแกนสุขภาพแบรนด์ก่อนทำแคมเปญ
    เอเจนซี่หลายๆ ที่มักเตือนแบรนด์เสมอว่า อย่าทำแคมเปญแบบ short win เพียงเพื่อดันยอดขายในช่วงสั้นๆ เพราะ Seasonal Marketing ที่ดีควรสามารถขายสินค้าได้ และต่อยอดภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปพร้อมๆ กัน เพราถ้าหากแบรนด์เน้นแต่การ Drive Sale อย่างเดียว ก็อาจจะเข้าสู่สงครามราคาที่ไม่มีใครได้ประโยชน์ในระยะยาวได้ แต่หากเน้นการสร้าง Branding ควบคู่ไปด้วย ก็จะสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้มากกว่า

    อย่างไรก็ตาม แคมเปญเทศกาลจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้เริ่มต้นที่ตัวสินค้าหรือโปรโมชัน แต่เริ่มต้นที่การเข้าใจสภาพแบรนด์ในปัจจุบันก่อนจะทำการตลาดออนไลน์ หรือที่เรียกว่า “Brand Health Check” ซึ่งประกอบด้วยคำถามสำคัญหลายข้อ เช่น

1.ลูกค้ายังนึกถึงคุณจากสินค้าอะไรเป็นหลัก?
2.คนจำแบรนด์ได้จากจุดไหน?
3.ความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์คุณคืออะไร?
4.ถ้าพูดถึงหมวดสินค้านี้ คนยังนึกถึงคุณเป็นตัวเลือกแรกหรือไม่?

    ซึ่งการประเมินแบรนด์ของคุณก่อนลงมือทำการตลาดออนไลน์ Seasonal Marketing ก็เปรียบเหมือนการตรวจสุขภาพประจำปี ที่คุณจะรู้ว่าแบรนด์ของตัวเองแข็งแรงตรงไหน มีจุดไหนที่ควรเสริม หรือมีปัญหาใดที่ต้องรีบแก้ไข แล้วแคมเปญที่ปล่อยออกไปจะไม่ใช่แค่ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ แต่จะสร้างความแข็งแรงในระยะยาวให้กับแบรนด์อีกด้วย

    จากข้อมูลพบว่าแบรนด์ที่มีการตรวจสอบสุขภาพแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ และปรับกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ได้นั้น มีอัตราการเติบโตสูงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันถึง 2.3 เท่า ซึ่งถ้าคุณต้องการวิเคราะข้อมูลเหล่านี้ ก็สามารถติดต่อให้เอเจนซี่โฆษณา หรือทีมรับทำการตลาดที่มีประสบการณ์ช่วยวิเคราะห์ และออกแบบแคมเปญที่ตอบโจทย์กับการเสริมสร้างสุขภาพแบรนด์ในระยะยาวได้เลย

ตัวอย่างเช่น
    เอเจนซี่โฆษณา ทำ Brand Health Check ให้แบรนด์เครื่องดื่มแล้วพบว่า จุดแข็งที่สุดคือคนจดจำแบรนด์จากความสดชื่นดังนั้น แคมเปญสงกรานต์จึงไม่เน้นแค่การลดราคา แต่เน้นตอกย้ำภาพความสดชื่นให้แข็งแรงขึ้นอีก ด้วยการสร้างกิจกรรมตู้แช่ขนาดยักษ์กลางเมืองให้คนเข้าไปหลบร้อน ซึ่งเป็นการใช้จุดแข็งเดิมมาต่อยอดให้เข้ากับเทศกาล

    หรือการที่ทีมรับทำการตลาด ให้แบรนด์ขนมไทย ตรวจสุขภาพแบรนด์แล้วพบว่าคนรุ่นใหม่มองว่าแบรนด์ดูเชย และไม่เหมาะเป็นของขวัญ จึงทำการตลาดออนไลน์ใหม่ในช่วงปีใหม่ด้วยการแก้ไขจุดอ่อนนี้เป็นหลัก โดยอาจเป็นการออกแพ็กเกจจิ้งดีไซน์ใหม่แบบลิมิเต็ด และทำแคมเปญของฝากสุดคูล ที่สื่อสารว่าขนมไทยก็เป็นของขวัญปีใหม่ที่ทันสมัย และมีความหมายได้

บทสรุป

    จะเห็นได้ว่าการสร้างแคมเปญ Seasonal Marketing ที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องของโชคช่วย แต่เกิดจากการวางแผนที่เฉียบคม และมองให้ลึกกว่าแค่การขาย โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ Insight ของผู้บริโภค ใช้เทศกาลเป็นโอกาสในการสร้างตัวตนของแบรนด์ และนำเสนอไอเดียที่สดใหม่อยู่เสมอ ทั้งในโลกออนไลน์และประสบการณ์ที่หน้าร้าน

    การทำการตลาดออนไลน์ด้วยความเข้าใจเหล่านี้ จะไม่ใช่แค่ได้แคมเปญที่สร้างยอดขายในช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่จะกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ สร้างความผูกพันกับลูกค้าไปอีกนาน และทำให้แบรนด์โดดเด่นเหนือคู่แข่งได้อีกด้วย ที่สำคัญที่สุดคือการมีพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดออนไลน์ อย่างเอเจนซี่โฆษณา หรือทีมรับทำการตลาดที่มีประสบการณ์ และมีผลงานที่น่าเชื่อถือ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ทุกเทศกาลกลายเป็นโอกาสทองของแบรนด์ได้เหมือนกัน

ความรู้การตลาดที่ Unicronet แนะนำ

หากคุณอยากเข้าใจว่า “เอเจนซี่” ต้องปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อให้อยู่รอดในยุคดิจิทัล บทความนี้มีคำตอบ พร้อมแนวทางที่แบรนด์นำไปใช้ได้จริง

🔗 กลยุทธ์เอาตัวรอดในตลาดยุคใหม่ ที่เอเจนซี่ไหนก็ใช้กัน

หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาและทีมรับทำการตลาด เอเจนซี่โฆษณา สร้างยอดขายทะลุเป้าแบบก้าวกระโดด ติดต่อเราเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน

ติดต่อรับคำปรึกษาฟรี !!!

Tel : 094-616-3651

Line OA : @unicronet

#Unicronet #PerformanceMarketing #digital agency #เอเจนซี่โฆษณา #Marketing agency #ทำการตลาดออนไลน์ #Content marketing

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความที่น่าสนใจอื่นๆของเรา

ถ้าต้องหานิยามสั้นๆ ให้กับปี 2025 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ผมคิดว่าคำว่าปีปราบเซียนของเหล่าเอเจนซี่น่าจะเป็นคำที่เหมาะที่สุดเลยล่ะครับ เพราะถ้ามองย้อนกลับไป 12 เดือนที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีที่มีเรื่องราวหนักๆ เยอะมากจริงๆ ครับ ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่บีบหัวใจ ค่าครองชีพที่พุ่งสูงสวนทางรายรับ แถมยังมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างเรื่องแผ่นดินไหว น้ำท่วม สภาพอากาศที่ไม่ค่อยดีทั้งปี และความกังวลเรื่อง AI ที่เข้ามาผสมโรงอีก แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ผมกลับมองเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจซ่อนอยู่ครับ เพราะผมเชื่อว่าปี 2026 ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะไม่ใช่ปีแห่งความสิ้นหวัง แต่จะเป็นปีแห่งการปรับตัว และเติบโตไปอีกขั้นของวงการเอเจนซี่โฆษณา และทีมรับทำการตลาดเลยล่ะครับ วันนี้ผมเลยอยากหยิบเอาข้อมูลในการทำการตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เตรียมตัวรับมือกับกระแสลมที่กำลังเปลี่ยนทิศครับ เอเจนซี่ต้องรู้ “ความสบายใจ” เป็นสินค้าใหม่ที่คนยอมจ่าย เพราะถ้าเราสังเกตกันดูดีๆ จะเห็นได้ชัดเลยว่า ในขณะที่เราบ่นกันว่าเศรษฐกิจไม่ดี เงินฝืดแต่ร้านหมูกระทะ ร้านอาหารดีๆ หรือคาเฟ่สวยๆ กลับยังมีลูกค้าต่อคิวกันยาวเหยียดอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเหตุผลของเรื่องนี้มันสะท้อนอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่าแค่เรื่องกินเรื่องเที่ยวครับ โดยเรื่องพวกนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนไทยติดกินติดเที่ยวกันหรอกนะครับ แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงทางออก ของคนในยุคนี้มากกว่า เพราะในวันที่ความเครียดรุมเร้าจากทุกทิศทาง หลายๆ คนจึงเลือกที่จะระบายความเครียดไปกับการซื้อความสุขรายวัน เพื่อชุบชูใจที่เหนื่อยล้าแทนมากกว่านั่นเอง ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีการยืนยันชัดเจนจากงาน SME Thailand Future Day 2026 ที่ผมได้มีโอกาสไปนั่งฟังมาครับ […]

เอเจนซี่

ในโลกของการทำธุรกิจยุคนี้ ผมว่ามันมีจุดหนึ่งที่เจ้าของกิจการหลายคนต้องเจอครับ คือจุดที่งานการตลาดมันเริ่มเยอะ และซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะดูแลเองไหว จนมาถึงทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่า จะจ้างเอเจนซี่มืออาชีพที่เขารับทำการตลาดจากข้างนอก หรือจะลงทุนสร้างทีมทำการตลาดออนไลน์ in house ของตัวเองดี ซึ่งจากประสบการณ์ของผมนะครับ ผมบอกได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดแบบตายตัวหรอกครับ ว่าแบบไหนมันดีกว่ากัน หลายคนอาจจะรีบควักงบประมาณมาเป็นตัวตั้ง หรือมองแค่ว่างานมันยากง่ายแค่ไหน แต่ในมุมของผม ผมมองว่ามันมีอะไรให้เราคิดมากกว่านั้นเยอะครับ เพราะสุดท้ายแล้วทั้งสองทางเลือกนี้ต่างก็มีจุดแข็ง และข้อจำกัดที่แตกต่างกันชัดเจน วันนี้ผมเลยตั้งใจจะมาแจกแจงให้เห็นภาพกันชัดๆ ไปเลยครับว่าทั้งเอเจนซี่โฆษณาที่เขารับทำการตลาด และทีมทำการตลาดออนไลน์ in house นั้นต่างกันยังไง แต่ก่อนที่เราจะไปลงลึกถึงขั้นเทียบกันจุดต่อจุดว่าใครดีกว่าใครคุ้มกว่า ผมว่าเราควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าครับ ว่าบทบาทจริงๆ ของทั้งสองฝ่ายนี้เขาทำอะไรกันแน่ บทบาทของเอเจนซี่ ถ้าให้ผมนิยามแบบเข้าใจง่ายที่สุด เอเจนซี่ก็คือบริษัทภายนอกที่รับทำการตลาดให้กับธุรกิจอื่นๆ นั่นแหละครับ โดยหน้าที่หลักๆ ของพวกเขาก็คือการเข้ามาช่วยดูแลเรื่องการทำการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะ ซึ่งสำหรับเอเจนซี่เองก็มีหลายแบบครับ มีทั้งที่ที่เน้นทำการตลาดออนไลน์โดยการยิงโฆษณาเพื่อให้วัดผลได้โดยตรง หรือบางที่ก็อาจจะเป็นเอเจนซี่โฆษณาที่เน้นการผลิตสื่อโฆษณาโดยเฉพาะครับ ซึ่งปกติแล้วในเอเจนซี่โฆษณาที่หนึ่ง ก็จะรวมคนเก่งๆ หลายสายงานไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการวางแผนกลยุทธ์ ด้านการสื่อสารแบรนด์ หรือด้านการคิดแคมเปญเจ๋งๆ ออกมา ซึ่งเป้าหมายหลักของพวกเขาก็คือการช่วยให้ธุรกิจของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจให้เกิดขึ้นจริงครับ ความรู้การตลาดที่ Unicronet แนะนำ ถ้าคุณมีความสนใจ และอยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และความสำคัญของเอเจนซี่ให้มากขึ้น ก็สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้เลยครับ 🔗 […]

ASO

ในช่วงปีที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าคนทำ SEO โดยเฉพาะเพื่อนๆ ในสายเอเจนซี่ที่รับทำการตลาด น่าจะรู้สึกเหมือนกันว่า แนวทางการทำงานของเรามันเปลี่ยนไปแบบที่เราเองก็ยังไม่ทันตั้งตัว เราอาจจะเคยเห็นตัวเลขทราฟฟิกที่เคยนิ่งกลับสวิงอย่างน่าใจหาย คีย์เวิร์ดที่เคยสร้างผลลัพธ์ได้ดีเยี่ยมเริ่มให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม หรือบางทีคอนเทนต์ของเราก็ถูก AI ดึงไปตอบในหน้าแรกโดยที่ User ไม่ต้องคลิกเข้ามาเลยด้วยซ้ำ จากประสบการณ์ที่ผมคลุกคลีอยู่กับข้อมูลหลังบ้านของลูกค้าหลายเจ้าที่ผมทำการตลาดออนไลน์ให้ ผมกล้าพูดได้เลยว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ แต่มันคือสัญญาณแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือการที่ AI เข้ามามีบทบาทในโลกของ Search Engine อย่างเต็มตัวแล้ว และเพื่อจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ เราจะใช้แค่ความรู้ SEO แบบเดิมที่เคยทำกันมาไม่ได้อีกต่อไป วันนี้ผมจึงอยากชวนทุกคนมาเปิดโลกของ ASEO กลยุทธ์ที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญให้เอเจนซี่อย่างเราเติบโตในยุคใหม่นี้ไปด้วยกันครับ จาก SEO สู่ ASEO เอเจนซี่จะทำยังไงเมื่อหลักการเดิมกำลังเปลี่ยนไป หลังจากที่เราเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่ผมเล่าไปในตอนต้นแล้ว คราวนี้เรามาลงลึกกันอีกนิดดีกว่าครับว่าหลักการเดิมที่เราเคยยึดถือกันมาตลอดมันกำลังถูกท้าทายยังไงบ้าง ถ้าเราลองมองย้อนกลับไป แกนหลักของ SEO ที่พวกเราชาวเอเจนซี่โฆษณาใช้วางกลยุทธ์ทำการตลาดออนไลน์ให้ลูกค้าก็มีอยู่ไม่กี่อย่างใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำ On-Page ให้แน่น การสร้าง Off-Page ที่แข็งแกร่ง หรือการวิเคราะห์ Keyword Research เพื่อหาคำที่ใช่ที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราทำซ้ำๆ จนเชี่ยวชาญ และมันก็เคยให้ผลลัพธ์ที่ดีมาตลอด […]

เอเจนซี่โฆษณา

    ในฐานะเอเจนซี่ คุณเคยรู้สึกไหมว่ายุคที่คอนเทนต์เต็มไปหมดแบบนี้ การจะทำให้เสียงของแบรนด์ดังไปถึงลูกค้ากลับเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที เหมือนกับการตะโกนในที่ที่ไม่มีใครฟัง เพราะความคาดหวังสูงขึ้น ทำให้วิธีแบบเดิมๆ ไม่สามารถเข้าไปนั่งในใจลูกค้าได้อีกต่อไป และสถานการณ์แบบนี้เองที่ทำให้การ ทำการตลาดออนไลน์แบบการลองผิดลองถูก การยิงแอดที่ให้ผลลัพธ์ไม่แน่นอน คือสัญญาณเตือน ว่าถึงเวลาที่เอเจนซี่โฆษณาต้องปรับตัวครั้งใหญ่แล้ว      แต่มาตรฐานใหม่ของเอเจนซี่ในปี 2025 นี้ ไม่ได้หมายถึงการมีเครื่องมือทันสมัยแค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่คือการมีโมเดลการทำงานที่ฉลาดขึ้น ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Marketing Intelligence ซึ่งประกอบด้วย 3 ลำดับชั้น ดังนี้ ชั้นที่ 1 รากฐานของข้อมูลคือหัวใจสำคัญ     ถือเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน เพราะถ้ารากฐานนี้ไม่แข็งแรงพอ ทุกสิ่งที่สร้างต่อยอดขึ้นไปก็อาจพังลงมาได้ เป้าหมายหลักจึงไม่ใช่แค่การที่เอเจนซี่โฆษณาสามารถเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด แต่คือการนำข้อมูล First-party data ที่มีอยู่ มาสร้างเป็น Customer Persona ที่ชัดเจน และถูกต้อง เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าอย่างแม่นยำ      ซึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ คือการรวมข้อมูล insight จากทุกช่องทาง เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า […]